คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2536/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยคว้าเอาอาวุธ ปืนแก๊ปยาวที่ผู้ตายพิงไว้ที่ต้นไม้มายิงผู้ตายในทันทีทันใดโดยไม่มีเหตุป้องกันตน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ที่เกิดเหตุอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ หลังเกิดเหตุจำเลยพาอาวุธปืนเดินไปตามป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติไม่ปรากฏว่าเป็นทางที่ประชาชนใช้ในการจราจร ไม่มีหมู่บ้านเพราะเดินอ้อมภูเขา จึงไม่อาจถือได้ว่าจำเลยพาอาวุธปืนไปในหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯพ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8, ทวิ, 72, 72 ทวิ คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519 ข้อ 3, 6, 7ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289, 91
จำเลยให้การรับสารภาพข้อหามีอาวุธปืนแก๊ปยาวไว้ในครอบครองปฏิเสธข้อหาอื่น
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสองคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44 ลงวันที่ 21 ตุลาคม2519 ข้อ 3, 6, 7 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 91 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรม ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ข้อหามีอาวุธปืน จำคุก 1 ปี ข้อหาพาอาวุธปืน จำคุก 6 เดือน ข้อหาฆ่าผู้อื่น จำคุก 15 ปี คำรับสารภาพชั้นสอบสวนชั้นพิจารณาและคำเบิกความของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ข้อหามีอาวุธปืน ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ข้อหาพาอาวุธปืนและข้อหาฆ่าผู้อื่น ลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78คงลงโทษข้อหามีอาวุธปืน จำคุก 6 เดือน ข้อหาพาอาวุธปืน จำคุก4 เดือน และข้อหาฆ่าผู้อื่น จำคุก 10 ปี รวมจำคุก 10 ปี 10 เดือนข้อหาอื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ข้อหาฆ่าผู้อื่นและพาอาวุธปืน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นฟังได้ว่า ตามวันเวลา และสถานที่เกิดเหตุ จำเลยให้อาวุธปืนแก๊ปยาวยิงนายสุวรรณบัวระวงศ์ ผู้ตาย ถูกที่ศีรษะและกลางหลัง เป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาหรือไม่ ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยคว้าเอาอาวุธปืนแก๊ปยาวที่ผู้ตายพิงไว้ที่ต้นไม้มายิงผู้ตายในทันทีทันใดโดยไม่มีเหตุป้องกัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ส่วนข้อหาฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ให้มีอาวุธปืนติดตัวนั้น โจทก์มีนางศรีดาเป็นพยานเบิกความว่า จำเลยถืออาวุธปืนแก๊ปยาวมาชวนหนีหลังจากจำเลยยิงผู้ตายแล้ว และคงถืออาวุธปืนดังกล่าวต่อไป โดยหลบหนีเข้าป่าและเดินอ้อมภูเขา เมื่อถึงถนนใหญ่สายพิษณุโลก-อุตรดิตถ์ ก็ไม่เห็นอาวุธปืนดังกล่าวอยู่ที่จำเลย ไม่ทราบว่าจำเลยทิ้งอาวุธปืนไว้ที่ใดนายทองสุข บัวระวงศ์ พยานโจทก์อีกปากหนึ่งเบิกความตอบคำถามค้านของทนายจำเลยว่า ที่เกิดเหตุในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งจำเลยนำสืบว่าเมื่อหนีไปได้ประมาณ 1 กิโลเมตร เห็นว่าอาวุธปืนไม่มีกระสุนจึงโยนทิ้งลงเขาไป เห็นว่าที่เกิดเหตุอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติหลังเกิดเหตุจำเลยพาอาวุธปืนเดินไปตามป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติไม่ปรากฏว่าเป็นทางที่ประชาชนใช้ในการจราจร ไม่มีหมู่บ้าน เพราะเดินอ้อมภูเขา จึงไม่อาจถือได้ว่าจำเลยพาอาวุธปืนไปในหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตตามฟ้องของโจทก์ การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ให้ลงโทษจำคุกตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2

Share