แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยสั่งจ่ายเช็คมอบให้แก่โจทก์เป็นค่าผลประโยชน์ตอบแทนที่จำเลยกู้ยืมเงินจากโจทก์ ซึ่งค่าผลประโยชน์ตอบแทนดังกล่าวก็คือดอกเบี้ยซึ่งเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด เมื่อเช็คพิพาทมีมูลหนี้ที่เกิดจากดอกเบี้ยเงินกู้เกินอัตราที่กฎหมายกำหนดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 654 ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2475 มาตรา 3(ก) มูลหนี้ตามเช็คพิพาทจึงตกเป็นโมฆะ โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยรับผิดชำระหนี้ตามเช็คพิพาท
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายเช็ค 4 ฉบับ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 50,667 บาท ให้แก่โจทก์เพื่อชำระหนี้ เช็คดังกล่าวครบกำหนดใช้เงิน ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คทุกฉบับ ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 50,667 บาท แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า เช็คทั้งสี่ฉบับจำเลยมอบให้แก่โจทก์เพื่อชำระค่าดอกเบี้ยเงินกู้ในอัตราร้อยละ 2.50 บาท ต่อเดือน ซึ่งเป็นดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด มูลหนี้ตามเช็คดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยรับผิดชำระหนี้ตามเช็คดังกล่าว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 50,667บาท แก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่าเช็คพิพาทมีมูลหนี้มาจากดอกเบี้ยเงินกู้เกินอัตราที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ จำเลยอ้างตนเองเป็นพยานเบิกความว่า จำเลยกู้ยืมเงินโจทก์โดยมิได้ทำหลักฐานการกู้ยืมไว้เป็นหนังสือ แต่จำเลยได้สั่งจ่ายเช็คธนาคารทหารไทย จำกัด สาขาราชประสงค์ 3 ฉบับและเช็คธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาประตูน้ำอีก 1 ฉบับ รวม 4 ฉบับมอบให้แก่โจทก์ยึดถือไว้เป็นประกันหนี้ และจำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทชำระหนี้ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 2.50 ต่อเดือนหรือร้อยละ 30ต่อปีจากต้นเงินตามเช็ค 4 ฉบับ ที่จำเลยมอบให้โจทก์ยึดถือไว้เป็นประกันการชำระหนี้ดังกล่าว โจทก์ทำบันทึกการคิดดอกเบี้ยไว้เห็นว่า คำเบิกความของจำเลยรวมทั้งเอกสารหมาย ล.1 และ ล.3สอดคล้องกับเอกสารหมาย ล.2 ซึ่งโจทก์ยอมรับว่าตัวเลขด้านขวามือในเอกสารหมาย ล.2 โจทก์เป็นคนเขียน จึงฟังว่าเอกสารหมาย ล.2โจทก์เป็นผู้ทำขึ้น ตามเอกสารหมาย ล.2 รายการตอนบนด้านซ้ายรวม6 รายการ แต่ละรายการมีตัวเลขบ่งบอกถึงวันออกเช็ค จำนวนเงินที่สั่งจ่ายและจำนวนวันซึ่งเป็นระยะเวลาคำนวณดอกเบี้ยจากต้นเงินตามเช็คไว้ เมื่อนับจากวันออกเช็คแต่ละรายการถึงวันที่ 28 สิงหาคม2528 ที่โจทก์ทำเอกสารหมาย ล.2 จะได้จำนวนวันตรงกับจำนวนวันซึ่งเป็นระยะเวลาคำนวณดอกเบี้ยที่อยู่ถัดไปด้านซ้ายมือทุกรายการแสดงว่าโจทก์คิดดอกเบี้ยจากต้นเงินตามเช็คที่จำเลยมอบให้โจทก์ยึดถือไว้เป็นประกันหนี้ ตามเอกสารหมาย ล.2 และดอกเบี้ยที่รวมไว้ด้านขวามือคำนวณแล้วมีอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 30 ต่อปี สำหรับเช็คพิพาทนั้นโจทก์ได้บันทึกไว้ในเอกสารหมาย ล.2 ที่มีเครื่องหมายดอกจัน โดยโจทก์คิดดอกเบี้ยรวมไว้ด้านขวามือมีจำนวนตรงกับจำนวนเงินตามเช็คพิพาท แม้เช็คพิพาทจะลงวันออกเช็คก่อนเช็ค 4 ฉบับที่จำเลยสั่งจ่ายมอบให้โจทก์ยึดถือไว้เป็นประกันการชำระหนี้ดังกล่าว แต่ก็ได้ความตามคำเบิกความของจำเลยว่า จำเลยได้ออกเช็คเปลี่ยนเช็คที่มอบให้โจทก์ยึดถือไว้เป็นประกันการชำระหนี้หลายครั้งข้อพิรุธดังกล่าวจึงไม่ทำให้น้ำหนักที่จะรับฟังพยานหลักฐานจำเลยลดน้อยลง โจทก์ไม่มีพยานหลักฐานมาสืบให้รับฟังได้ว่า มูลหนี้ตามเช็คพิพาทมิได้เกิดจากดอกเบี้ยเงินกู้เกินอัตราที่กฎหมายกำหนดพยานหลักฐานจำเลยมีน้ำหนักดีกว่าพยานหลักฐานของโจทก์ ฟังได้ว่าเช็คพิพาทมีมูลหนี้เกิดจากดอกเบี้ยเงินกู้เกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 654 ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2475 มาตรา 3(ก)มูลหนี้ตามเช็คพิพาทจึงตกเป็นโมฆะ โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยรับผิดชำระหนี้ตามเช็คพิพาท
พิพากษายืน