แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
อายุความตามมาตรา 76 แห่งพระราชบัญญัติประกอบธุรกิจเงินทุนธุรกิจหลักทรัพย์และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ. 2522 เป็นอายุความสำหรับการกระทำผิดของบริษัทเฉพาะที่เป็นความผิดตามมาตรา 70 เท่านั้นกรณีที่จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นกรรมการของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ กระทำผิดในขณะมีฐานะเป็นกรรมการของบริษัทและกระทำโดยเจตนา เป็นความผิดตามมาตรา 75 ซึ่งมีอายุความ 5 ปีนับแต่วันกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 95(4)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ. 2522มาตรา 20(2), 20 (2 ข), 24, 28 ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยเรื่อง การดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องของบริษัทเงินทุน ลงวันที่9 ธันวาคม 2524, มาตรา 30(1), ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยเรื่อง กำหนดให้บริษัทเงินทุนปฏิบัติในการกู้ยืมหรือรับเงินจากประชาชนและการกำหนดอัตราดอกเบี้ยหรือส่วนลดที่บริษัทเงินทุนอาจจ่ายหรืออาจเรียกได้ ลงวันที่ 14 กรกฎาคม 2524, มาตรา 30(2),ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง กำหนดให้บริษัทเงินทุนปฏิบัติในเรื่องดอกเบี้ยและส่วนลด ลงวันที่ 11 มกราคม 2523,ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง กำหนดให้บริษัทเงินทุนปฏิบัติในการกู้ยืมเงินหรือรับเงินจากประชาชน และการกำหนดอัตราดอกเบี้ยและส่วนลดที่บริษัทเงินทุนอาจจ่ายหรืออาจเรียกได้ ลงวันที่ 14กรกฎาคม 2524 ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง กำหนดให้บริษัทเงินทุนปฏิบัติในการกู้ยืมหรือรับเงินจากประชาชน และการกำหนดอัตราดอกเบี้ยหรือส่วนลดที่บริษัทเงินทุนอาจจ่ายหรืออาจเรียกได้(ฉบับที่ 2) ลงวันที่ 24 มกราคม 2526, มาตรา 75, พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุนธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ. 2522 พ.ศ. 2526มาตรา 8, 33
จำเลยทั้งห้าให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์พ.ศ. 2522 มาตรา 20(2), 70, 75 (ก่อนมีการแก้ไขเพิ่มเติม)ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 รวม 4 กระทง ลงโทษแต่ละกระทงจำคุก6 เดือน และปรับ 30,000 บาท รวมลงโทษจำคุก 24 เดือน และปรับ120,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้บังคับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 โดยกักขังแทนมีกำหนด 2 ปี ข้อหาอื่นของจำเลยที่ 1 นอกจากนี้ให้ยก ยกฟ้องจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติ การประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ. 2522 ที่ได้แก้ไขแล้ว มาตรา 20(2)(ข),30(1)(2), 75 วรรคสอง ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91จำเลยที่ 2 มีความผิดตามมาตรา 28, 75 วรรคสอง ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ด้วย แต่ขณะกระทำความผิดยังมิได้มีการแก้ไขพระราชบัญญัติดังกล่าว จึงให้ลงโทษตามมาตรา 75 ก่อนมีการแก้ไขซึ่งเป็นกฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่จำเลย ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 ลงโทษจำเลยที่ 1 ตามมาตรา 20(2)(ข),75 จำคุก 6 เดือน ลงโทษตามมาตรา 30(1), 75 จำคุกกระทงละ 6 เดือนรวม 18 กระทง จำคุก 108 เดือน ลงโทษตามมาตรา 30(2), 75 จำคุกกระทงละ 6 เดือน รวม 19 กระทง จำคุก 114 เดือน รวมกับโทษของศาลชั้นต้นแล้วเป็นลงโทษจำเลยที่ 1 ทั้งหมด 42 กระทง จำคุก252 เดือน แต่ให้ลงโทษจำเลยที่ 1 รวมทุกกระทงแล้วจำคุก 10 ปีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(1) ลงโทษจำเลยที่ 2 ตามมาตรา 28, 75จำคุกกระทงละ 6 เดือน รวม 4 กระทง จำคุก 24 เดือน และเนื่องจากการกระทำความผิดของจำเลยดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายที่มีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองประโยชน์ของประชาชน และเสถียรภาพในสถาบันการเงินนับว่าเป็นภัยต่อเศรษฐกิจของประเทศชาติและสังคมเป็นส่วนรวม จึงไม่สมควรรอการลงโทษให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาประการสุดท้ายตามฎีกาของจำเลยที่ 1ที่ 2 มีว่าคดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าอายุความตามมาตรา 76 แห่งพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุนธุรกิจหลักทรัพย์และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ. 2522 ที่จำเลยที่ 1ที่ 2 อ้างนั้น เป็นอายุความสำหรับการกระทำความผิดของบริษัทเฉพาะที่เป็นความผิด ตามมาตรา 70 เท่านั้น กรณีของจำเลยที่ 1 ที่ 2เป็นความผิดตามมาตรา 75 ซึ่งมีอายุความ 5 ปี นับแต่วันกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 95(4) ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยที่ 1ที่ 2 กระทำผิดตั้งแต่วันที่ 21 พฤษภาคม 2524 เป็นต้นมา และโจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2529 ยังไม่พ้นกำหนด 5 ปี นับแต่วันที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 กระทำความผิด คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ปรับจำเลยที่ 1 ที่ 2 ด้วย โดยให้ปรับจำเลยที่ 1 กระทงละ 10,000 บาท รวม 42 กระทง เป็นเงิน 420,000 บาทปรับจำเลยที่ 2 กระทงละ 10,000 บาท รวม 4 กระทง เป็นเงิน 40,000 บาทโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ไม่ชำระค่าปรับให้บังคับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 หากจะกักขังแทนค่าปรับก็ให้กักขังจำเลยที่ 1 มีกำหนด 2 ปี และกักขังจำเลยที่ 2 มีกำหนด 1 ปี6 เดือน 26 วัน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์