คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 254/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ขณะที่จำเลยเข้าทำการวิ่งราวทรัพย์ผู้เสียหาย เพื่อนของจำเลยติดเครื่องรถจักรยานยนต์รออยู่ไม่ไกล แล้วจำเลยวิ่งหนีขึ้นรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวหลบหนีไป ถือว่าจำเลยกระทำการวิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกในการกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือให้พ้นจากการจับกุม อันเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 336 วรรคแรก,83 ประกอบมาตรา 336 ทวิ แล้ว หาจำเป็นที่จำเลยจะต้องนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์เข้าทำการวิ่งราวทรัพย์เสมอไปไม่.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,93, 336, 336 ทวิ ประกาศของคณะปฏิวัติ (ฉบับที่ 11) ลงวันที่ 21พฤศจิกายน 2514 ข้อ 13 และขอให้เพิ่มโทษจำเลย คืนของกลางแก่ผู้เสียหายกับให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนคิดเป็นเงิน 5,000 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 336 ประกอบมาตรา 336 ทวิ จำคุก 6 ปี เพิ่มโทษกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 93 รวมเป็นจำคุก 9 ปี ของกลางคืนแก่ผู้เสียหาย และให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนคิดเป็นเงิน 5,000 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 336 วรรคแรก จำคุก 4 ปี เพิ่มโทษกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 93 เป็นจำคุก 6 ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คงมีปัญหาต้องวินิจฉัยในชั้นนี้ตามฎีกาของโจทก์ว่าจำเลยทำการวิ่งราวทรัพย์ผู้เสียหายโดยใช้ยานพาหนะอันเป็นความผิดเข้าองค์ประกอบตามมาตรา 336 ทวิ แห่งประมวลกฎหมายอาญาหรือไม่ ข้อเท็จจริงได้ความตามคำของผู้เสียหายซึ่งศาลล่างทั้งสองฟังมาว่า ขณะเกิดเหตุกระทำผิด คดีนี้นั้นจำเลยได้กระโดดล็อกคอผู้เสียหายแล้วกระชากสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท 1 เส้น พร้อมพระเลี่ยมทองคำ 1 องค์ รวมราคาตามฟ้อง แล้วจำเลยวิ่งหนีไปนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ซึ่งมีชายอีกคนหนึ่งติดเครื่องจอดรออยู่แล้วขับหลบหนีออกไป เห็นว่า การที่เพื่อนของจำเลยติดเครื่องรถจักรยานยนต์จอดรออยู่ขณะจำเลยเข้าทำการวิ่งราวทรัพย์ผู้เสียหายเมื่อจำเลยกระทำการวิ่งราวทรัพย์เสร็จได้วิ่งหนีขึ้นรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวแล้วขับหลบหนีไปนั้น ส่อแสดงว่าจำเลยตระเตรียมการมาก่อนโดยขณะจำเลยเข้าทำการวิ่งราวทรัพย์ผู้เสียหายนั้นเพื่อนของจำเลยติดเครื่องรถจักรยานยนต์จอดรออยู่ซึ่งก็ไม่ไกลกับที่จำเลยกระทำผิดกรณีเช่นนี้ถือว่าจำเลยกระทำการวิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกในการกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม อันเป็นความผิดตามมาตรา 336 วรรคแรก มาตรา 83ประกอบด้วยมาตรา 336 ทวิ แห่งประมวลกฎหมายอาญา ที่จำเลยแก้ฎีกาว่าจำเลยต้องนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ทำการวิ่งราวทรัพย์จึงจะเป็นการวิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกในการกระทำผิดนั้นเห็นว่า การที่ขณะจำเลยกระทำการวิ่งราวทรัพย์ของผู้เสียหายโดยมีเพื่อนอีกคนหนึ่งติดเครื่องรถจักรยานยนต์จอดรออยู่ใกล้ ๆ กันเป็นการที่จำเลยกับพวกเตรียมการล่วงหน้ากันมาก่อน และเมื่อจำเลยวิ่งราวทรัพย์เสร็จก็วิ่งขึ้นซ้อนรถจักรยานยนต์ดังกล่าวขับหลบหนีไป ได้ชื่อว่าจำเลยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกในการกระทำผิดเพื่อการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุมแล้วหาจำเป็นที่จำเลยจะต้องนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์เข้าทำการวิ่งราวทรัพย์เสมอไปไม่ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น แต่ที่ศาลชั้นต้นปรับบทโดยไม่ได้ระบุมาตรา 83 ด้วยนั้น เป็นการไม่ถูกต้อง สมควรปรับบทเสียใหม่ให้ถูกต้องต่อไป”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 336 วรรคแรก, มาตรา 83 ประกอบด้วยมาตรา 336 ทวิ จำคุก 6 ปีเพิ่มโทษกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 93 รวมเป็นจำคุก 9 ปีนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share