คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2716/2537

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่ดินมีโฉนดของโจทก์จำเลยให้การต่อสู้คดี ต่อมาผู้ร้องสอดยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความฝ่ายที่สามอ้างว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของผู้ร้องสอดให้โจทก์มีชื่อในโฉนดถือกรรมสิทธิ์แทนผู้ร้องสอดขอให้โจทก์โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าวให้เป็นชื่อของผู้ร้องสอด ดังนี้ คำร้องสอดของผู้ร้องสอดเป็นการเรียกร้องที่ดินพิพาทจากโจทก์ ทั้งโจทก์ก็ให้การแก้คำร้องสอดปฏิเสธว่าโจทก์ไม่ได้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทไว้แทนผู้ร้องสอด จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ ผู้ร้องสอดต้องเสียค่าขึ้นศาลตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 150วรรคหนึ่ง ประกอบด้วยตาราง 1 ท้าย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่ดินโฉนดเลขที่ 19283ของโจทก์และเรียกค่าเสียหาย จำเลยให้การต่อสู้คดี ผู้ร้องสอดยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความฝ่ายที่สาม อ้างว่าที่ดินดังกล่าวและที่ดินอื่นอีก 3 แปลง เป็นของผู้ร้องสอด ซึ่งโจทก์มีชื่อในโฉนดที่ดินเป็นการถือกรรมสิทธิ์แทนผู้ร้องสอด ขอให้โจทก์โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินทั้ง 4 แปลง ให้เป็นชื่อของผู้ร้องสอดโดยเสียค่าธรรมเนียมขณะยื่นคำร้อง 200 บาท ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องขอ ผู้ร้องสอดอุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้โดยอนุญาตให้ผู้ร้องสอดเข้าเป็นคู่ความได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1) เฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับที่ดินโฉนดเลขที่ 19283 ต่อมาศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าคำร้องสอดเป็นคดีมีทุนทรัพย์ให้ผู้ร้องสอดเสียค่าขึ้นศาลตามจำนวนทุนทรัพย์ โดยให้นำมาวางศาลก่อนถึงวันนัดชี้สองสถานมิฉะนั้นถือว่าทิ้งคำร้องสอด
ผู้ร้องสอดยื่นคำร้องว่า คำร้องสอดไม่มีทุนทรัพย์ ขอเสียค่าขึ้นศาลอย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์ ศาลชั้นต้นสั่งว่าไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม ผู้ร้องสอดอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าอุทธรณ์ของผู้ร้องสอดเป็นอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณาไม่รับอุทธรณ์ และในวันเดียวกันผู้ร้องสอดก็ได้ยื่นคำร้องขอขยายเวลาวางเงินค่าธรรมเนียม ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าสั่งในรายงานวันนัดชี้สองสถาน ถึงวันนัดชี้สองสถานผู้ร้องสอดขอเลื่อนไปโดยอ้างว่าผู้ร้องสอดอาจถอนคำร้องสอดศาลชั้นต้นให้เลื่อนไปนัดพร้อม เมื่อถึงวันนัดพร้อมผู้ร้องสอดแถลงว่า ขอให้ศาลดำเนินคดีต่อไป และแถลงยืนยันว่าคดีนี้เป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ ผู้ร้องสอดไม่เสียค่าขึ้นศาลศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งไม่รับคำร้องสอดเพราะเหตุไม่เสียค่าธรรมเนียมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ให้จำหน่ายคดีเฉพาะส่วนของผู้ร้องสอดออกจากสารบบความ กับนัดชี้สองสถานต่อไป
ผู้ร้องสอดอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องสอดฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องสอดมีว่าคำร้องสอดของผู้ร้องสอดเป็นคดีมีทุนทรัพย์หรือไม่โดยผู้ร้องสอดอ้างเหตุว่าคำร้องสอดของผู้ร้องสอดเป็นคำฟ้องที่เรียกทรัพย์คืนจากโจทก์ซึ่งถือกรรมสิทธิ์ไว้แทนจึงเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ เห็นว่าการที่ผู้ร้องสอดร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความฝ่ายที่สามอ้างว่าที่ดินพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องสอดโจทก์มีชื่อถือไว้แทนเป็นการเรียกร้องที่ดินพิพาทจากโจทก์ ทั้งโจทก์ก็ให้การแก้คำร้องสอดปฏิเสธว่าโจทก์ไม่ได้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทไว้แทนผู้ร้องสอด จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ ผู้ร้องสอดต้องเสียค่าขึ้นศาลในศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 150 วรรคหนึ่ง ประกอบด้วยตาราง 1 ท้ายประมวลกฎหมายนี้”
พิพากษายืน

Share