แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
คดีนี้พนักงานเดินหมายนำคำบังคับไปส่งให้จำเลยโดยวิธีปิดคำบังคับไว้ณภูมิลำเนาของจำเลยตามคำสั่งศาลซึ่งให้มีผลบังคับทันทีในวันที่29พฤษภาคม2538จำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่วันที่26กันยายน2538จึงเป็นการล่วงพ้นกำหนดเวลา15วันนับจากวันที่ส่งคำบังคับตามคำพิพากษาให้แก่จำเลยแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา208แม้จำเลยจะอ้างในคำขอพิจารณาใหม่ว่าจำเลยได้ย้ายไปเสียจากภูมิลำเนาตามฟ้องไปอยู่ที่อื่นตั้งแต่ปี2529แล้วจำเลยไม่ทราบว่าถูกฟ้องเป็นคดีนี้อันแสดงว่าจำเลยได้อ้างเหตุที่ไม่อาจยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายในกำหนด15วันนับแต่วันส่งคำบังคับให้จำเลยเป็นเพราะมีพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้แม้เหตุที่ยื่นคำขอล่าช้าจะได้กล่าวไว้ในคำขอให้พิจารณาใหม่แล้วแต่จำเลยหาได้กล่าวไว้ว่าจำเลยได้ทราบคำบังคับตั้งแต่เมื่อใดเพื่อให้ทราบว่าพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้นั้นสิ้นสุดลงเมื่อใดจึงไม่อาจเริ่มต้นนับกำหนด15วันตามมาตรา208ได้ถือได้ว่าจำเลยมิได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งถึงกรณียื่นคำขอล่าช้าและเหตุแห่งการที่ล่าช้านั้นไม่ชอบด้วยบทบัญญัติดังกล่าวข้างต้น
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้อง จำเลยขาดนัดและขาดนัดพิจารณาศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยชำระราคารถยนต์หมายเลขทะเบียน 5ฮ-7244 กรุงเทพมหานครส่วนที่เหลือจำนวน 659,025 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 31 สิงหาคม 2537 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จและให้จำเลยส่งมอบโทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนเกีย รุ่น 900 หมายเลข9153765 คืนให้แก่โจทก์ หากส่งมอบคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาแทนเป็นเงิน39,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ 31 สิงหาคม 2537 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยยื่นคำร้องว่า จำเลยมิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาจำเลยไม่ทราบว่าถูกโจทก์ฟ้อง เพราะโจทก์ได้ส่งสำเนาคำฟ้องและหมายเรียกไปให้จำเลย ณ บ้านเลขที่ 10แขวงสำราญราษฎร์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ตามภูมิลำเนาในทะเบียนบ้าน ความจริงจำเลยได้ย้ายไปอยู่บ้านเลขที่ 203/747 หมู่ 1ตำบลบางเสาธง กิ่งอำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการเมื่อประมาณปี 2529 เพื่อไปปกครองดูแลบุตรผู้เยาว์ ซึ่งโจทก์ทราบที่อยู่ของจำเลยดี และที่ทำงานของจำเลยก็อยู่ที่ตำบลบางเสาธงกิ่งอำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ จำเลยจึงไม่ได้กลับมาบ้านที่อยู่ตามฟ้องโจทก์เลย การที่โจทก์ฟ้องจำเลยโดยส่งสำเนาคำฟ้องและหมายเรียกไปให้จำเลยตามภูมิลำเนาที่ปรากฏในทะเบียนบ้านเพื่อต้องการมิให้จำเลยทราบ จึงเป็นการไม่สุจริต หากจำเลยได้ทราบคำฟ้องและต่อสู้คดีแล้ว โจทก์ต้องแพ้คดีแก่จำเลยแน่นอนเพราะความจริงรถยนต์และโทรศัพท์มือถือเป็นค่าตอบแทนที่โจทก์ต้องซื้อให้เป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลย มิใช่เป็นของโจทก์ จำเลยมีหลักฐานประกอบมากมายหากมีการพิจารณาใหม่ศาลแรงงานกลางจะต้องมีคำพิพากษาเปลี่ยนแปลงไปจากคำพิพากษาเดิมและจำเลยสามารถชนะคดีโจทก์ได้
ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งว่า จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลา 15 วัน นับจากวันที่ได้ส่งคำบังคับ(24 พฤษภาคม 2538) แล้ว ให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “ปัญหาวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยมีว่าจำเลยจะยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ได้หรือไม่ เห็นว่าตามมาตรา 208 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ประกอบมาตรา 31 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ. 2522 คำขอให้พิจารณาใหม่นั้นให้ยื่นต่อศาลภายใน 15 วันนับจากวันที่ได้ส่งคำบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งให้แก่จำเลยถ้าคู่ความที่ขาดนัดไม่สามารถยื่นคำขอภายในระยะเวลาดังกล่าวโดยพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ คู่ความฝ่ายนั้นอาจยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ได้ภายในกำหนด 15 วัน นับแต่วันที่พฤติการณ์นั้นได้สิ้นสุดลง แต่ในกรณีที่ยื่นคำขอล่าช้าต้องกล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งถึงเหตุแห่งการที่ล่าช้านั้นด้วย คดีนี้ปรากฏว่าพนักงานเดินหมายนำคำบังคับไปส่งให้จำเลยโดยวิธีปิดคำบังคับไว้ณ ภูมิลำเนาของจำเลยตามฟ้องตามคำสั่งศาลซึ่งให้มีผลบังคับทันทีในวันที่ 29 พฤษภาคม 2538 จำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่วันที่ 26 กันยายน 2538 จึงเป็นการล่วงพ้นกำหนดเวลา 15 วันนับจากวันที่ส่งคำบังคับตามคำพิพากษาให้แก่จำเลยแล้ว แม้จำเลยจะอ้างในคำขอพิจารณาใหม่ว่าจำเลยได้ย้ายไปเสียจากภูมิลำเนาตามฟ้องไปอยู่ที่อื่นตั้งแต่ปี 2529 แล้วก่อนฟ้องซึ่งโจทก์ทราบดีโดยจำเลยไม่ทราบว่าถูกฟ้องเป็นคดีนี้อันแสดงว่าจำเลยได้อ้างเหตุที่ไม่อาจยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายในกำหนดเวลา 15 วัน นับแต่วันส่งคำบังคับให้จำเลยเป็นเพราะมีพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้เหตุที่ยื่นคำขอล่าช้าจะได้กล่าวไว้ในคำขอให้พิจารณาใหม่แล้วแต่จำเลยหาได้กล่าวไว้ว่าจำเลยได้ทราบคำบังคับตั้งแต่เมื่อใดเพื่อให้ทราบว่าพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้นั้นได้สิ้นสุดลงเมื่อใด จึงไม่อาจเริ่มต้นนับกำหนด 15 วันตามบทบัญญัติข้างต้นได้ถือว่าจำเลยมิได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งถึงกรณียื่นคำขอล่าช้าและเหตุแห่งการที่ล่าช้านั้น ไม่ชอบด้วยบทบัญญัติดังกล่าวข้างต้น ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งยกคำร้องของจำเลยชอบแล้วอุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน