คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5559/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสามรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างเสารั้วพร้อมลวดหนามซึ่งรุกล้ำที่ดินโจทก์ออกไปจากที่ดินโจทก์จำเลยที่3ให้การสู้คดีไว้แต่เพียงว่าจำเลยที่3ซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างโดยสุจริตไม่ได้ให้การว่าจำเลยที่3ปลูกสร้างทาวน์เฮาสส์รุกล้ำที่ดินโจทก์โดยสุจริตการที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงว่าการก่อสร้างรุกล้ำของจำเลยเป็นการก่อสร้างโดยสุจริตและพิพากษายกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่3แต่ไม่ตัดสิทธิคู่ความที่จะไปว่ากล่าวกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1312นั้นจึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา คำขอของโจทก์ที่ว่าให้จำเลยที่3รื้อถอนส่วนที่รุกล้ำออกไปจากแนวเขตที่ดินโจทก์หากจำเลยที่3ไม่ยอมรื้อถอนให้โจทก์เป็นผู้รื้อถอนโดยจำเลยที่3เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายนั้นหากจำเลยที่3ไม่ปฏิบัติตามคำบังคับของศาลโจทก์อาจยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีจัดการให้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา296ทวิได้อยู่แล้วโจทก์จะขอรื้อถอนกำแพงทาวน์เฮาส์ส่วนที่รุกล้ำของจำเลยที่3เองโดยให้ศาลบังคับให้จำเลยที่3เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายหาได้ไม่ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้เองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา142(5)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 1419จำเลยทั้งสามเป็นเจ้าของที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างติดกับที่ดินโจทก์ในปี 2539 จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ปักเสากั้นรั้วลวดหนามถมดินรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างเสารั้วพร้อมลวดหนามซึ่งรุกล้ำที่ดินของโจทก์ ออกไปจากที่ดินของโจทก์ หากจำเลยทั้งสามไม่ยอมรื้อถอน ให้โจทก์มีอำนาจรื้อถอนได้เองโดยจำเลยทั้งสามเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย
จำเลยที่ 1 ให้การว่า จำเลยที่ 1 ไม่ได้ปักเสารั้วรุกล้ำที่ดินโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 2 กั้นรั้วลวดหนามและถมดินในที่ดินของจำเลยที่ 2 ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 3 ให้การว่า จำเลยที่ 3 ซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างโดยสุจริต สิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 3 ไม่ได้ทำทางน้ำไหลจากหลังคาให้ไหลเข้าไปในที่ดินโจทก์ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 3 รื้อถอนส่วนที่รุกล้ำออกไปจากแนวเขตที่ดินของโจทก์ หากไม่ยอมรื้อให้โจทก์เป็นผู้รื้อถอนโดยจำเลยที่ 3 เป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 3
จำเลยที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 แต่ไม่ตัดสิทธิคู่ความที่จะไปว่ากล่าวกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1312 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 1419 ตำบลเชิงเนินอำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง เนื้อที่ 3 งาน 31.2 ตารางวาจำเลยทั้งสามเป็นเจ้าของที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างติดกับที่ดินโจทก์ทางด้านทิศใต้ โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสามรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างเสารั้วพร้อมลวดหนามซึ่งรุกล้ำที่ดินโจทก์ออกไปจากที่ดินโจทก์ระหว่างการพิจารณาโจทก์และจำเลยทั้งสามแถลงร่วมกันรับข้อเท็จจริงว่า รั้วลวดหนามที่จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ปักกั้นนั้นมิได้รุกล้ำที่ดินโจทก์ คงเหลือแต่กำแพงทาวน์เฮาส์ ของจำเลยที่ 3 เท่านั้นที่รุกล้ำที่ดินโจทก์ ปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นฉบับลงวันที่11 ธันวาคม 2534 ซึ่งโจทก์แถลงเรียกร้องให้จำเลยทั้งสามชดใช้ค่าเสียหายในส่วนที่กำแพงทาวน์เฮาส์ รุกล้ำเข้าไปในที่โจทก์เป็นเงินจำนวน 30,000 บาท ฝ่ายจำเลยแถลวว่าจะไปดำเนินการทำกำแพงส่วนที่รุกล้ำเข้าไปในที่ดินโจทก์มิให้รุกล้ำต่อไป และโจทก์ยอมรับว่า ถ้าฝ่ายจำเลยทำได้เช่นนั้นก็ไม่ติดใจใด ๆ อีก ดังนั้น ข้อเท็จจริงฟังยุติว่า กำแพงทาวน์เฮาส์ของจำเลยที่ 3 รุกล้ำเข้าไปในที่ดินโจทก์ คดีนี้จำเลยที่ 3ให้การสู้คดีไว้แต่เพียงว่า จำเลยที่ 3 ซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างโดยสุจริต ไม่ได้ให้การว่าจำเลยที่ 3 ปลูกสร้างทาวน์เฮาส์ รุกล้ำที่ดินโจทก์โดยสุจริต ทั้งศาลชั้นต้นก็มิได้กำหนดประเด็นข้อพิพาทข้อนี้ไว้ การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงว่าการก่อสร้างรุกล้ำของจำเลยเป็นการก่อสร้างโดยสุจริตและพิพากษายกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 3 แต่ไม่ตัดสิทธิคู่ความที่จะไปกล่าวกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1312นั้น จึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น ไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณาส่วนคำขอของโจทก์ที่ว่าให้จำเลยที่ 3 รื้อถอนส่วนที่รุกล้ำออกไปจากแนวเขตที่ดินโจทก์ หากจำเลยที่ 3 ไม่ยอมรื้อถอนให้โจทก์เป็นผู้รื้อถอนโดยจำเลยที่ 3 เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายนั้น เห็นว่าหากจำเลยที่ 3 ไม่ปฏิบัติตามคำบังคับของศาล โจทก์อาจยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีจัดการให้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 ทวิ ได้อยู่แล้วโจทก์จะขอรื้อถอนกำแพงทาวน์เฮาส์ ส่วนที่รุกล้ำของจำเลยที่ 3 เองโดยให้ศาลบังคับให้จำเลยที่ 3 เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายหาได้ไม่ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้เอง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5)
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 3 รื้อถอนส่วนที่รุกล้ำออกไปจากแนวเขตที่ดินของโจทก์ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยกนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share