คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2354/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีนี้เดิมศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษารวมกันมากับคดีอาญาซึ่งพนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยยักยอกเงินที่ได้จากการขายที่ดินและมีคำขอให้คืนหรือใช้ราคาที่ดินแต่คดีดังกล่าวถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ลงโทษจำเลยกับให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาแม้คดีนี้จะมีมูลกรณีเดียวกันแต่เมื่อศาลฎีกาฟังว่าจำเลยยักยอกที่ดินไม่ได้ยักยอกเงินที่ได้จากการขายที่ดินและโจทก์คดีนี้ก็ไม่ได้มีคำขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาที่ดินดังนั้นศาลฎีกาจึงไม่อาจสั่งให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาที่ดินแก่โจทก์ได้

ย่อยาว

คดี นี้ เดิม ศาลชั้นต้น พิจารณา พิพากษา รวมกัน มา กับ คดีอาญาหมายเลขแดง ที่ 8827/2523 ของ ศาลชั้นต้น แต่ คดี ดังกล่าว ถึงที่สุดตาม คำพิพากษา ของ ศาลอุทธรณ์ คง ขึ้น มา สู่ การ พิจารณา ของ ศาลฎีกาเฉพาะคดี นี้
โจทก์ ฟ้อง ขอให้ ลงโทษ จำเลย ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352, 353,354, 91
ศาลชั้นต้น ไต่สวน มูลฟ้อง แล้ง เห็นว่า คดี มีมูล ให้ ประทับ ฟ้อง
จำเลย ให้การ ปฏิเสธ
ศาลชั้นต้น พิจารณา แล้ว พิพากษา ว่า จำเลย มี ความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 354 ประกอบ ด้วย มาตรา 352, 353 รวม 5 กระทงจำคุก กระทง ละ 2 ปี เรียง กระทง ลงโทษ ตาม มาตรา 91 รวม จำคุก 10 ปีให้ จำเลย คืน หรือ ใช้ ราคา ที่ดิน รวมเป็น เงิน 2,260,000 บาท แก่ โจทก์
โจทก์ และ จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ข้อกฎหมาย ว่า ที่ดิน ดังกล่าว เป็น ทรัพย์สินที่นาง พร้า จัดสรร ไว้ เพื่อ การ ก่อตั้ง โจทก์ เมื่อ โจทก์ ซึ่ง ก่อตั้ง ขึ้น โดย พินัยกรรม ของ นาง พร้า ได้ ก่อตั้ง ขึ้น เป็น นิติบุคคล แล้ว ก็ ย่อม ตกเป็น ของ โจทก์ ตั้งแต่ เวลา ที่ พินัยกรรม มีผล คือ ตั้งแต่นาง พร้า ตาย ทั้งนี้ ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1678และ 1673 จำเลย ซึ่ง เป็น ผู้จัดการมรดก ของ นาง พร้า เป็น เพียง ผู้ครอบครอง แทน โจทก์ การ ที่ จำเลย จดทะเบียน โอน ขาย ที่ดิน ดังกล่าวไป จึง เป็น การ ยักยอก ที่ดิน ของ โจทก์ ที่ ศาลล่าง ทั้ง สอง ฟัง ว่า จำเลยยักยอก เงิน ที่ ได้ จาก การ ขาย ที่ดิน ไม่ต้อง ด้วย ความเห็น ของ ศาลฎีกาฎีกา โจทก์ ฟังขึ้น เมื่อ ฟัง ว่า จำเลย ยักยอก ที่ดิน ก็ ต้อง ลงโทษ ตาม ฟ้องของ โจทก์ แต่ ไม่อาจ สั่ง ให้ จำเลย คืน หรือ ใช้ ราคา ที่ดิน แก่ โจทก์เพราะ ไม่ได้ มี คำขอ ให้ จำเลย คืน หรือ ใช้ ราคา ที่ดิน มา ด้วย
พิพากษาแก้ เป็น ว่า จำเลย มี ความผิด ตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 254 ประกอบ ด้วย มาตรา 353 ให้ เรียง กระทง ลงโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำคุก จำเลย กระทง ละ 2 ปี รวม 5 กระทงเป็น โทษ จำคุก 10 ปี

Share