คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 800/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในอุทธรณ์ของจำเลยว่ารับเป็นอุทธรณ์ของจำเลยหมายแจ้งให้โจทก์ทราบถ้าประสงค์จะแก้อุทธรณ์ให้ยื่นภายในกำหนดตามกฎหมายนับแต่วันรับหมายนี้คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวไม่ได้ระบุโดยชัดแจ้งให้จำเลยซึ่งเป็นโจทก์ในชั้นอุทธรณ์มีหน้าที่นำส่งหมายนัดแจ้งให้โจทก์ซึ่งเป็นจำเลยในชั้นอุทธรณ์ทราบหรือเป็นการสั่งให้เจ้าพนักงานศาลจัดการส่งให้แก่โจทก์ตามหน้าที่ของศาลกรณีเช่นนี้จึงไม่มีกำหนดเวลาที่จำเลยจะต้องปฏิบัติตามที่ศาลกำหนดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา174(2)ดังนั้นการที่จำเลยไม่ไปเสียค่าธรรมเนียมในการส่งจะถือว่าจำเลยทิ้งฟ้องอุทธรณ์ตามมาตรา174(2)หาได้ไม่

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งเจ็ดร่วมกันชำระหนี้ให้แก่โจทก์ตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชี สัญญาขายลดเช็คและสัญญารับมอบสินค้าเชื่อพร้อมด้วยดอกเบี้ย และให้จำเลยทั้งเจ็ดร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ จำเลยที่ 2 ที่ 4 และที่ 5ได้ยื่นอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า รับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ที่ 4และที่ 5 และหมายแจ้งให้โจทก์ทราบ ถ้าประสงค์จะแก้อุทธรณ์ให้ยื่นภายในกำหนดตามกฎหมายนับแต่วันรับหมาย ต่อมาวันที่ 28 พฤศจิกายน 2534เจ้าหน้าที่กรมบังคับคดีรายงานว่า จำเลยที่ 4 และที่ 5 ไม่มาเสียค่าธรรมเนียมในการนำส่งหมายนัด ศาลชั้นต้นสั่งว่า ถือว่าจำเลยที่ 2ที่ 4 และที่ 5 ทิ้งฟ้องอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 174(2) ให้จำหน่ายคดี
จำเลยที่ 4 และที่ 5 ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่า จำเลยที่ 4และที่ 5 มิได้มีเจตนาทิ้งฟ้องอุทธรณ์หรือไม่ดำเนินคดีภายในกำหนดระยะเวลาตามกฎหมาย ขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนคำสั่งจำหน่ายคดีศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม
จำเลยที่ 4 และที่ 5 อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นและให้จำหน่ายคดีของจำเลยที่ 2 ที่ 4 และที่ 5 ออกจากสารบบความของศาลอุทธรณ์
จำเลยที่ 4 และที่ 5 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 174บัญญัติว่า “ในกรณีต่อไปนี้ให้ถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง คือ (1) ฯลฯ(2) โจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลเห็นสมควรกำหนดไว้เพื่อการนั้นโดยได้สั่งคำสั่งให้แก่โจทก์โดยชอบแล้ว ” คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ที่ 4 และที่ 5 ว่า เสนอวันนี้ จำเลยที่ 4 และที่ 5 นำเงินมาชำระภายในระยะเวลาที่ศาลได้ขยายให้ รับเป็นอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ที่ 4 และที่ 5 หมายแจ้งให้โจทก์ทราบ ถ้าประสงค์จะแก้อุทธรณ์ให้ยื่นภายในกำหนดตามกฎหมายนับแต่วันรับหมายนี้คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวไม่ได้ระบุโดยชัดแจ้งให้จำเลยที่ 4 และที่ 5 ซึ่งเป็นโจทก์ในชั้นอุทธรณ์มีหน้าที่นำส่งหมายนัดแจ้งให้โจทก์ซึ่งเป็นจำเลยในชั้นอุทธรณ์ทราบหรือเป็นการสั่งให้เจ้าพนักงานศาลจัดการส่งให้แก่โจทก์ตามหน้าที่ของศาลกรณีเช่นนี้จึงไม่มีกำหนดเวลาที่จำเลยที่ 4 และที่ 5 จะต้องปฏิบัติตามที่ศาลกำหนดตามมาตรา 174(2) ดังนั้น การที่จำเลยที่ 4 และที่ 5ไม่ไปเสียค่าธรรมเนียมในการส่งจะถือว่าจำเลยที่ 4 และที่ 5 ทิ้งฟ้องอุทธรณ์ตามมาตรา 174(2) หาได้ไม่
พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่จำหน่ายคดีของจำเลยที่ 4 และที่ 5 ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการเกี่ยวกับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 4 และที่ 5 ต่อไปนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share