คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7299/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในการแข่งขับรถจักรยานยนต์หากไม่มีรถจักรยานยนต์ก็ไม่สามารถแข่งขันกันได้รถจักรยานยนต์จึงเป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิดในการแข่งขันรถของจำเลยศาลมีอำนาจสั่งริบรถจักรยานยนต์ของกลางตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา33(1) จำเลยฎีกาทำนองว่าศาลอุทธรณ์ภาค3ไม่ควรริบของกลางซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริงแต่เนื่องจากคดีนี้ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุก1เดือนปรับ4,000บาทโทษจำคุกให้รอไว้2ปีไม่ริบของกลางศาลอุทธรณ์ภาค3พิพากษาแก้เฉพาะให้ริบของกลางจึงเป็นกรณีแก้ไขเล็กน้อยห้ามคู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา218วรรคแรกศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ. 2522 มาตรา 134, 160 ทวิ ริบของกลาง
จำเลย ให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 134 (ที่ถูกมาตรา 134 วรรคแรก), 160 ทวิให้จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 1 เดือนและปรับ 4,000 บาท โทษจำคุกให้รอไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ส่วนรถจักรยานยนต์ของกลางมิใช่ทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิดโดยตรงจึงไม่ริบ ให้ยกคำขอ
โจทก์ อุทธรณ์ ขอให้ ริบ รถจักรยานยนต์ ของกลาง
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ริบรถจักรยานยนต์ของกลางด้วย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาตามฎีกาจำเลยมีว่า รถจักรยานยนต์ของกลางเป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิดอันควรริบหรือไม่ที่จำเลยฎีกาว่ารถจักรยานยนต์ของกล่าวโดยสภาพปกติแห่งการใช้ทั่วไปมีไว้เพื่อใช้ในการขับขี่สัญจรไปมา มิใช่เป็นทรัพย์สินที่มีลักษณะการใช้ให้เกิดการกระทำความผิด ความผิดในการแข่งขันไม่ใช่เกิดจากตัวทรัพย์ รถจักรยานยนต์ของกลางจึงมิใช่ทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิดนั้น เห็นว่า ในการแข่งขันรถจักรยานยนต์หากไม่มีรถจักรยานยนต์ก็ไม่สามารถแข่งขันกันได้ รถจักรยานยนต์จึงเป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิดในการแข่งขันรถของจำเลยศาลมีอำนาจสั่งริบรถจักรยานยนต์ของกลางตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 33(1) ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยกระทำการแข่งขันในเวลากลางคืนซึ่งมีผู้คนสัญจรเป็นจำนวนน้อย อันตรายที่จะเกิดแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์สินย่อมเป็นไปได้น้อย ในทำนองว่าศาลอุทธรณ์ภาค 3ไม่ควรริบของกลาง ซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริงนั้น เนื่องจากคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาทโทษจำคุกให้รอไว้มีกำหนด 2 ปี ไม่ริบของกลาง ศาลอุทธรณ์ภาค 3พิพากษาแก้เฉพาะให้ริบของกลาง จึงเป็นการแก้ไขเล็กน้อยห้ามคู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรกศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายืน

Share