คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1242/2529

แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

เช็คพิพาทเป็นเช็คสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือโจทก์ร่วมสลักหลังมอบให้น. นำไปเข้าบัญชีของน. เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินต้องถือว่าน. เป็นผู้ทรงเช็คและเป็นผู้เสียหายที่จะดำเนินคดีกับจำเลยในข้อหาตามพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯโจทก์ร่วมไม่ใช่ผู้เสียหายฉะนั้นการที่โจทก์ร่วมมอบอำนาจให้น.ไปร้องทุกข์แทนการร้องทุกข์ย่อมไม่ชอบ.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3
นายประสาท เกิดสินธ์ชัย ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมศาลชั้นต้นอนุญาตและพิจารณาแล้ว เห็นว่า โจทก์ร่วมไม่ใช่ผู้เสียหายไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ร่วมฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่าปัญหาที่จะวินิจฉัยมีเพียงว่าโจทก์ร่วมเป็นผู้เสียหายหรือไม่ ข้อเท็จจริงฟังได้แล้วว่า โจทก์ร่วมเซ็นสลักหลังมอบเช็คพิพาทให้นายนริศน์ แสงบรรจง นำไปเข้าบัญชีของนายนริศน์เพื่อเรียกเก็บเงินตามเช็ค ทั้งที่โจทก์ร่วมและภริยามีบัญชีในธนาคารของตนเองอยู่แล้ว เมื่อทางธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินโจทก์ร่วมได้มอบอำนาจให้นายนริศน์ไปร้องทุกข์กล่าวโทษจำเลยแทนปรากฏว่าเช็คพิพาทสั่งให้ใช้เงินแก่ผู้ถือซึ่งโอนให้แก่กันได้เพียงการส่งมอบ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 918 ประกอบมาตรา 989 แต่โจทก์ร่วมยังโอนให้ไปโดยการสลักหลังตามมาตรา 917เสียอีกด้วย ดังนั้น ในวันที่ทางธนคารปฏิเสธการจ่ายเงินซึ่งถือว่าเป็นวันที่การกระทำผิดเกิดขึ้น นายนริศน์จึงเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบตามมาตรา 904 โดยได้รับโอนเช็คไปจากโจทก์ร่วมแล้วและเป็นผู้เสียหายในคดีนี้ โจทก์ร่วมไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจร้องทุกข์หรือมอบให้นายนริศน์ไปร้องทุกข์แทน และไม่มีสิทธิขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 30 อีกด้วย ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ร่วมฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share