แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อลูกหนี้ถูกศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด เจ้าหนี้ของลูกหนี้ที่ต้องการได้รับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ จะต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 27 กล่าวคือจะต้องขอรับชำระหนี้ตามวิธีการที่กล่าวไว้ใน พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 เมื่อผู้ร้องอ้างว่าเป็นเจ้าหนี้ของลูกหนี้และยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อผู้คัดค้านแล้ว พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 105 บัญญัติให้ผู้คัดค้านมีอำนาจสอบสวนในเรื่องหนี้สินที่ขอรับชำระหนี้ แล้วทำความเห็นส่งสำนวนเรื่องหนี้สินต่อศาล ผู้คัดค้านจึงมีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องสอบสวนคำขอรับชำระหนี้ดังกล่าวและในการสอบสวนคำขอรับชำระหนี้นั้น บทบาทของผู้คัดค้านมิได้อยู่ในสถานะเป็นตัวลูกหนี้ แต่เป็นเพียงคนกลางในการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานหาข้อเท็จจริงในเรื่องหนี้ทั้งจากฝ่ายของเจ้าหนี้และลูกหนี้ แล้วทำความเห็นเสนอศาล เพื่อให้ศาลเป็นผู้พิจารณาสั่งคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ต่อไป ดังนั้น ลำพังการสอบสวนและความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงยังไม่มีผลผูกพันเจ้าหนี้ ส่วนการดำเนินการทางอนุญาโตตุลาการนั้น แม้ตาม พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ พ.ศ.2545 มาตรา 12 จะบัญญัติว่า “ความสมบูรณ์แห่งสัญญาอนุญาโตตุลาการและการตั้งอนุญาโตตุลาการย่อมไม่เสียไปแม้ในภายหลังคู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตายหรือสิ้นสุดสภาพความเป็นนิติบุคคล ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดหรือถูกศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ” บทบัญญัติดังกล่าวมิใช่บทยกเว้นหลักการในการขอรับชำระหนี้ตามกฎหมายล้มละลาย แต่เป็นบทบัญญัติถึงความสมบูรณ์แห่งสัญญาอนุญาโตตุลาการและการตั้งอนุญาโตตุลาการว่าไม่เสียไปแม้ภายหลังคู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเท่านั้น ผู้คัดค้านจึงยังคงมีหน้าที่ในการดำเนินการตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 105 ขณะเดียวกันคณะอนุญาโตตุลาการก็ยังคงดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปได้และการดำเนินกระบวนพิจารณาในชั้นอนุญาโตตุลาการของผู้คัดค้านเป็นคนละส่วนกับการดำเนินการสอบสวนคำขอรับชำระหนี้ ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 105 ที่ผู้คัดค้านจะต้องดำเนินการโดยด่วน การสอบสวนของผู้คัดค้านจึงไม่ทำให้ผู้ร้องเสียเปรียบ หรือมีผลกับการดำเนินการทางอนุญาโตตุลาการแต่อย่างใดไม่ ผู้คัดค้านจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องงดสอบสวนคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้องเพื่อรอผลการพิจารณาของคณะอนุญาโตตุลาการ
ย่อยาว
คดีสองสำนวนนี้ ศาลล้มละลายกลางพิจารณาและมีคำสั่งรวมกัน
คดีสืบเนื่องมาจากศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ (จำเลย) เด็ดขาด
ผู้ร้องยื่นคำร้องทั้งสองสำนวนเป็นใจความว่า ผู้ร้องและลูกหนี้ทำสัญญาก่อสร้าง 2 ฉบับ คือ สัญญาก่อสร้างโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติไทรน้อย – โรงไฟฟ้าพระนครเหนือ/ใต้ ตามสัญญาเลขที่ PTT/GAS/2/8/48 และสัญญาก่อสร้างโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติเส้นที่ 3 ระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบก ตามสัญญาเลขที่ PTT/GAS/3/21/47 ต่อมาผู้ร้องและลูกหนี้มีข้อพิพาทเกี่ยวกับสัญญา ซึ่งสัญญาทั้งสองฉบับกำหนดให้ระงับข้อพิพาทด้วยวิธีอนุญาโตตุลาการ ครั้นก่อนศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ลูกหนี้ได้เสนอข้อพิพาทต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการตามข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 38/2553 และภายหลังจากศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาด ผู้คัดค้านในฐานะเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ยื่นเสนอข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 77/2553 ผู้ร้องยื่นคำคัดค้านและข้อเรียกร้องแย้งทั้งสองเรื่องต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการและผู้ร้องได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามสัญญาทั้งสองฉบับจากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ เป็นเจ้าหนี้รายที่ 56 ผู้คัดค้านนัดสอบสวนคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้อง แต่เนื่องจากผู้ร้องเห็นว่าคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้องและข้อพิพาทที่ลูกหนี้และผู้คัดค้านเสนอต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการอยู่ระหว่างการดำเนินกระบวนพิจารณาเป็นประเด็นเรื่องเดียวกันที่เกี่ยวข้องกับสัญญาระหว่างผู้ร้องและลูกหนี้ และผู้คัดค้านเป็นผู้กระทำการแทนลูกหนี้ถือว่าเป็นคู่พิพาทโดยตรงกับเจ้าหนี้ หากผู้คัดค้านดำเนินการสอบสวนคำขอรับชำระหนี้ย่อมทำให้ผู้ร้องเสียเปรียบในการต่อสู้คดี ผู้ร้องจึงได้ยื่นคำร้อง 2 ฉบับ ขอให้ผู้คัดค้านงดสอบสวนคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้องในวันที่ 12 และ 26 กรกฎาคม 2554 ไว้ก่อน เพื่อรอคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ แต่ผู้คัดค้านยกคำร้องทั้ง 2 ฉบับ ขอให้มีคำสั่งกลับคำสั่งของผู้คัดค้านและมีคำสั่งให้ผู้คัดค้านงดการสอบสวนคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้องไว้ก่อน เพื่อรอฟังคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการก่อน
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านทั้งสองสำนวนเป็นใจความว่า ผู้คัดค้านมีหน้าที่ตามกฎหมายต้องสอบสวนคำขอรับชำระหนี้เพื่อทำความเห็นเสนอศาล การสอบสวนของผู้คัดค้านจึงไม่ทำให้ผู้ร้องเสียเปรียบในการดำเนินกระบวนพิจารณาในชั้นอนุญาโตตุลาการ ทั้งคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการก็ไม่มีผลผูกพันผู้คัดค้านในการสอบสวนคำขอรับชำระหนี้ คำสั่งของผู้คัดค้านที่ไม่งดการสอบสวนคำขอรับชำระหนี้ในวันที่ 12 และ 26 กรกฎาคม 2554 จึงชอบแล้ว ขอให้ยกคำร้อง
ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกคำร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า มีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของผู้ร้องว่า ผู้คัดค้านต้องงดสอบสวนคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้องเพื่อรอคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการเสียก่อนหรือไม่ เห็นว่า เมื่อลูกหนี้ถูกศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด เจ้าหนี้ของลูกหนี้ที่ต้องการได้รับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ จะต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 27 กล่าวคือ จะต้องขอรับชำระหนี้ตามวิธีการที่กล่าวไว้ในพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 ดังนั้น เมื่อผู้ร้องอ้างว่าเป็นเจ้าหนี้ของลูกหนี้และยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อผู้คัดค้านแล้ว พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 105 บัญญัติให้ผู้คัดค้านมีอำนาจสอบสวนในเรื่องหนี้สินที่ขอรับชำระหนี้ แล้วทำความเห็นส่งสำนวนเรื่องหนี้สินต่อศาล ผู้คัดค้านจึงมีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องสอบสวนคำขอรับชำระหนี้ดังกล่าวและในการสอบสวนคำขอรับชำระหนี้นั้น บทบาทของผู้คัดค้านมิได้อยู่ในสถานะเป็นตัวลูกหนี้ แต่เป็นเพียงคนกลางในการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานหาข้อเท็จจริงในเรื่องหนี้ทั้งจากฝ่ายของเจ้าหนี้และลูกหนี้ แล้วทำความเห็นเสนอศาล เพื่อให้ศาลเป็นผู้พิจารณาสั่งคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ต่อไป ดังนั้น ลำพังการสอบสวนและความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงยังไม่มีผลผูกพันเจ้าหนี้ ส่วนการดำเนินการทางอนุญาโตตุลาการนั้น แม้ตามพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ.2545 มาตรา 12 จะบัญญัติว่า “ความสมบูรณ์แห่งสัญญาอนุญาโตตุลาการและการตั้งอนุญาโตตุลาการย่อมไม่เสียไปแม้ในภายหลังคู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตายหรือสิ้นสุดสภาพความเป็นนิติบุคคล ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดหรือถูกศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ” บทบัญญัติดังกล่าวมิใช่บทยกเว้นหลักการในการขอรับชำระหนี้ตามกฎหมายล้มละลาย แต่เป็นบทบัญญัติถึงความสมบูรณ์แห่งสัญญาอนุญาโตตุลาการและการตั้งอนุญาโตตุลาการว่าไม่เสียไปแม้ภายหลังคู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเท่านั้น ผู้คัดค้านจึงยังคงมีหน้าที่ในการดำเนินการตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 105 ขณะเดียวกันคณะอนุญาโตตุลาการก็ยังคงดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปได้และการดำเนินกระบวนพิจารณาในชั้นอนุญาโตตุลาการของผู้คัดค้านเป็นคนละส่วนกับการดำเนินการสอบสวนคำขอรับชำระหนี้ ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 105 ที่ผู้คัดค้านจะต้องดำเนินการโดยด่วน การสอบสวนของผู้คัดค้านจึงไม่ทำให้ผู้ร้องเสียเปรียบ หรือมีผลกับการดำเนินการทางอนุญาโตตุลาการแต่อย่างใดไม่ ผู้คัดค้านจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องงดสอบสวนคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้องเพื่อรอผลการพิจารณาของคณะอนุญาโตตุลาการ ที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้องชอบแล้ว อุทธรณ์ของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นนี้ให้เป็นพับ