คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1953-1956/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อสาเหตุที่รถยนต์ที่จำเลยที่ 1 ขับไปชนกับรถยนต์ของนาย ซ.โจทก์เป็นเหตุให้นาย ซ.นาย ส. นาย ค. และ นาย น. โจทก์ทั้งสี่สำนวนเสียหายนั้น เป็นผลโดยตรงจากการกระทำของผู้ขับรถยนต์คันอื่น ไม่ใช่เกิดจากการกระทำของจำเลยที่ 1 แล้ว จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ที่ 3 ซึ่งเป็นนายจ้าง ก็ไม่ต้องรับผิด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ ลูกจ้างขับรถยนต์ของจำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ได้ขับรถยนต์ ช.น. ๐๐๑๑๘ ในทางการที่จ้าง ไปตามถนนพหลโยธิน จากอำเภอตาคลีมุ่งไปจังหวัดชัยนาท ด้วยความเร็วสูงกินทางขวามือ พุ่งชนรถยนต์ น.ว. ๐๑๗๒๗ ของนายเซี่ยมเซียโจทก์เสียหายและทำให้นายแสวงนายคุงเอี่ยมและนายน้ามโจทก์บาดเจ็บสาหัสขอให้จำเลยทั้งสามใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์ทั้งสี่สำนวน
จำเลยให้การว่า เหตุที่รถยนต์ชนกันเป็นเพราะความประมาทของรถยนต์โดยสาร ส.ห.๐๐๔๕๙ และรถยนต์บรรทุก น.ว.๐๑๗๒๗ โจทก์ไม่เสียหายดังฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์ทั้งสี่สำนวนอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ทั้งสี่สำนวนฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า เหตุที่รถชนกันเป็นเพราะรถโดยสาร ส.ห.๐๐๔๕๙ วิ่งตามรถโดยสาร ช.น.๐๐๑๑๘ ซึ่งจำเลยที่ ๑ ขับ และจะแซงขึ้นหน้า แต่มีรถโดยสาร ล.บ.๐๓๔๕๑ วิ่งสวนมา จึงเกิดการเฉี่ยวกันขึ้น รถโดยสาร ส.ห. ๐๐๔๕๙ จึงหักหลบเข้ามาชนท้ายรถโดยสาร ช.น.๐๐๑๑๘ คันท้ายรถโดยสาร ช.น.๐๐๑๑๘ ทำให้รถโดยสาร ช.น.๐๐๑๑๘ เสียหลักเบนเข้าไปในแนวทางวิ่งของรถบรรทุก น.ว. ๐๑๗๒๗ ของนายเซี่ยมเซียโจทก์ซึ่งกำลังวิ่งสวนมาพอดี จึงเกิดชนกันขึ้น และเห็นว่าสาเหตุที่ชนและเกิดการเสียหายแก่ฝ่ายโจทก์ เป็นผลโดยตรงจากการกระทำของผู้ขับรถโดยสาร ส.ห.๐๐๔๕๙ หาใช่เกิดจากการกระทำของจำเลยที่ ๑ ผู้ขับรถโดยสาร ช.น.๐๐๑๑๘ ดังโจทก์ฟ้องไม่ จำเลยที่ ๑ ตลอดทั้งจำเลยที่ ๒ และจำเลยที่ ๓ จึงไม่ต้องรับผิด
พิพากษายืน

Share