แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การฟ้องคดีผิดพระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควนนั้นโจทมีหน้าที่นำสืบสแดงไห้เห็นว่าประกาสของคนะกัมการป้องกันการค้ากำไรเกินควนได้ปิดโคสนาไว้ยังที่ซึ่งระบุไนมาตรา 7 วัค 3 แห่งพระราชบัญญัติที่กล่าว จึงจะเอาผิดจำเลยได้.
ย่อยาว
ได้ความว่าคนะกัมการควบคุม(ป้องกัน)การค้ากำไรเกินควน(จังหวัดนครสวรรค)ได้ออกประกาสสองคราวกำหนดราคาไห้ขายน้ำมันก๊าสไม่เกิน ๒ ปิ๊บต่อ ๙ บาท ๖๒ สตางค์และ ๙ บาท ๘๗ สตางค์ จำเลยขายน้ำมันเปนราคา ๒ ปิ๊บต่อ ๑๐ บาท และ ๑๐ บาท ๔๐ สตางค์
สาลชั้นต้นพิพากสาว่าจำเลยผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควน พ.ส. ๒๔๘๐ ม.๙,๑๖ แก้ไขเพิ่มเติม พ.ส. ๒๔๘๓ (ฉบับที่ ๒) ม. ๔,๗ โดยวินิฉัยเชื่อว่าจำเลยได้ซาบประกาสของคนะกัมการแล้ว
จำเลยอุธรน์ สาลอุธรน์เห็นว่าโจทสแดงไม่ได้ว่าประกาสของคนะกัมการฯได้มีการโคสนาโดยถูกต้องตามกดหมายแล้ว พิพากสาไห้ยกฟ้องโจท
โจทดีกา สาลดีกาเห็นว่าการฟ้องคดีหาว่าจำเลยขายของเกินราคาของคนะกัมการส่วนภูมิภาคอันเปนผิดพระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควนเช่นนี้ โจทต้องมีหน้าที่นำสืบสแดงไห้เห็นว่าประกาสของคนะกัมการนั้นได้ปิดโคสนาไว้ยังที่ซึ่งระบุไว้ไนมาตรา ๗ วัค ๓ แห่งพระราชบัญญัติที่กล่าว จึงจะเอาผิดแก่จำเลยได้แต่คดีนี้โจทมิได้มีพยานมาสืบไนข้อนี้เลย จึงจะถือว่าจำเลยได้ซาบประกาสนั้น และเอาผิดจำเลยไม่ได้จึงพิพากสายืนตามสาลอุธรน์