คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 932/2555

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ด. พรากผู้เสียหายไปเสียจาก อ. ผู้ดูแล โดยผู้เสียหายไม่เต็มใจไปด้วยเพื่อการอนาจาร และจำเลยรับตัวผู้เสียหายไว้จาก ด. แล้วกระทำชำเราผู้เสียหาย แต่พฤติการณ์ที่จำเลยรับตัวผู้เสียหายไว้และกระทำชำเราผู้เสียหายอันเป็นการกระทำความผิดฐานรับตัวผู้เยาว์ซึ่งถูกพรากเพื่อการอนาจารตาม ป.อ. มาตรา 318 วรรคสาม ไม่ปรากฏว่าจำเลยรับตัวผู้เสียหายเพื่อแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 6 แต่อย่างใด การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานค้ามนุษย์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 318, 83 พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 6, 52
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 318 วรรคสาม พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 6 (2), 52 วรรคสอง การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 318 วรรคสาม ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 6 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง แต่ให้ขังจำเลยไว้ระหว่างฎีกา
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์มีผู้เสียหายเป็นประจักษ์พยานเบิกความว่า วันเดือนปีใด จำไม่ได้ นางสาวดรุณีหรือส้ม ซึ่งพักอาศัยอยู่กับนางสาวอำนวยพาผู้เสียหายไปวัดไทยบำรุงและพาเข้าไปในกุฏิของจำเลย ตั้งอยู่หมู่ที่ 4 ตำบลหัวทุ่ง อำเภอพล จังหวัดขอนแก่น จำเลยมอบธนบัตรชนิดสีม่วงให้นางสาวดรุณีหรือส้ม แล้วนางสาวดรุณีหรือส้มออกจากกุฏิไป จำเลยจับผู้เสียหายนอนแล้วถอดเสื้อผ้าผู้เสียหายออก แล้วจำเลยถอดจีวร สบง กับสังฆาฏิ ผู้เสียหายร้องให้ช่วยแต่ไม่มีใครช่วย จำเลยได้กระทำชำเราผู้เสียหาย 1 ครั้ง จากนั้นผู้เสียหายไปชำระร่างกายในห้องน้ำข้างนอกกุฏิ แล้วไปนั่งรอนางสาวดรุณีหรือส้ม ที่โต๊ะหินข้างกุฏิจำเลย แต่นางสาวดรุณีหรือส้มไม่มารับ จำเลยจึงให้นายโชคชัยหรือกุ้ง ขับรถจักรยานยนต์ไปส่งผู้เสียหายกลับบ้าน เมื่อถึงบ้านผู้เสียหายไม่ได้บอกเหตุการณ์ให้นางสาวอำนวยฟังเพราะกลัวถูกดุด่า นายโชคชัยหรือกุ้ง พยานโจทก์อีกปากหนึ่งเบิกความว่า เมื่อวันเดือนใด จำไม่ได้ ปี 2552 เวลา 17 นาฬิกา ขณะพยานอยู่ในงานวัด นายหนึ่งมาเรียกพยานและบอกว่าจำเลยให้พยานไปส่งผู้เสียหายที่บ้าน พยานจึงไปเอารถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ที่กุฏิ พบผู้เสียหายนั่งที่โต๊ะหิน ส่วนจำเลยอยู่ที่บันไดกุฏิ จำเลยบอกพยานให้ไปส่งผู้เสียหายที่บ้าน พยานจึงขับรถจักรยานยนต์ไปส่งผู้เสียหาย นอกจากนี้โจทก์ยังมีนางสาวอำนวย เป็นพยานเบิกความว่า พยานพาผู้เสียหายไปหานางบุญช่วยมารดาที่จังหวัดนครปฐม นางบุญช่วยสังเกตเห็นท้องผู้เสียหายโตขึ้น จึงพาไปพบแพทย์ ปรากฏว่าผู้เสียหายตั้งครรภ์ พยานและนางบุญช่วยสอบถามผู้เสียหายได้ความว่าถูกจำเลยข่มขืนกระทำชำเรา จึงไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนที่สถานีตำรวจภูธรพล ตามบันทึกคำให้การ หลังจากนั้นพนักงานสอบสวนนัดพยาน ผู้เสียหาย และนายสม บิดาจำเลยเจรจาค่าเสียหาย โดยนายสมยินยอมชดใช้ค่าเสียหายให้ 35,000 บาท พยานจึงได้ถอนคำร้องทุกข์ข้อหาข่มขืนกระทำชำเราซึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้ โดยมีพันตำรวจตรีสมมาตย์ มาเบิกความสนับสนุน เห็นว่า พยานโจทก์ดังกล่าวต่างไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจำเลยเป็นพระภิกษุซึ่งเป็นที่เคารพแก่บุคคลทั่วไป หากมิได้เกิดขึ้นจริงแล้วผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้เยาว์ไม่สามารถเบิกความในลักษณะเช่นนั้นได้ ประกอบกับผู้เสียหายยังเป็นนักเรียนถูกล่วงละเมิดทางเพศจึงเป็นสิ่งที่น่าอับอายและเสื่อมเสียต่อชื่อเสียงของตน เชื่อว่าเบิกความไปตามที่รู้เห็นจริงแม้พยานโจทก์เบิกความถึงวันเวลาเกิดเหตุแตกต่างกับคำให้การในชั้นสอบสวนบ้าง ก็เป็นเพียงบางตอนและไม่ใช่สาระสำคัญ ซึ่งไม่ทำให้น้ำหนักคำพยานโจทก์ดังกล่าวถึงกับรับฟังไม่ได้แต่อย่างใด พยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักมั่นคงรับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่า นางสาวดรุณีหรือส้มพรากผู้เสียหายไปเสียจากนางสาวอำนวย ผู้ดูแล โดยผู้เสียหายไม่เต็มใจไปด้วยเพื่อการอนาจารและจำเลยรับตัวผู้เสียหายไว้จากนางสาวดรุณีหรือส้มแล้วกระทำชำเราผู้เสียหาย อันเป็นการกระทำความผิดฐานรับตัวผู้เยาว์ซึ่งถูกพรากเพื่อการอนาจาร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 318 วรรคสาม แต่พฤติการณ์ที่จำเลยรับตัวผู้เสียหายไว้และกระทำชำเราผู้เสียหายเพียงเท่านี้ ไม่ปรากฏว่าจำเลยรับตัวผู้เสียหายเพื่อแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 6 แต่อย่างใดการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานค้ามนุษย์ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายกฟ้องในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 318 วรรคสาม มานั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาโจทก์ฟังขึ้นบางส่วน
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 318 วรรคสาม จำคุก 6 ปี ข้อหาอื่นให้ยก

Share