แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
ขณะเกิดเหตุผู้เสียหายเป็นเด็กอายุเพียง 7 ปีเศษ ทั้งร่างกายและอวัยวะสืบพันธุ์ยังไม่เจริญเติบโตเต็มที่ หากอวัยวะเพศของจำเลยล่วงล้ำเข้าไปในช่องคลอดของผู้เสียหายจริงย่อมต้องเกิดร่องรอยฉีกขาด แต่ตามผลการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์ กลับไม่พบบาดแผลที่บริเวณช่องคลอดของผู้เสียหาย คำเบิกความของผู้เสียหายจึงน่าจะเกิดจากความไม่เข้าใจหรือคิดไปเองตามประสาเด็ก ส่วนฎีกาของโจทก์ที่อ้างคำแพทย์หญิง ร. แพทย์ผู้ตรวจร่างกายผู้เสียหายที่เบิกความตอนหนึ่งว่า อวัยวะเพศของผู้เสียหายมีขนาดเล็ก หากมีการร่วมเพศอาจฉีกขาดได้ แต่หากสอดใส่อวัยวะเพศของผู้ชายเข้าไปเพียงเล็กน้อยก็ไม่อาจฉีกขาดเพราะอวัยวะมีความยืดหยุ่น ตามคำของผู้เสียหายแสดงว่าอวัยวะเพศของจำเลยได้ล่วงล้ำเข้าไปในอวัยวะเพศของผู้เสียหายแล้วแต่ล่วงล้ำเข้าไปเพียงเล็กน้อยจึงไม่มีร่องรอยฉีกขาดนั้น เป็นเพียงความเห็นหรือการคาดคะเนของโจทก์ พฤติการณ์ของจำเลยตามที่ได้ความอาจเป็นเพียงการใช้อวัยวะเพศของจำเลยถูไถกับอวัยวะเพศของผู้เสียหายทางด้านนอกเพื่อสำเร็จความใคร่เท่านั้นเพราะหากจำเลยประสงค์จะกระทำชำเราผู้เสียหายจริง แม้ไม่สำเร็จความใคร่ก็ต้องเกิดร่องรอยบอบช้ำปรากฏให้เห็นอยู่บ้าง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 วินิจฉัยว่าพฤติการณ์ของจำเลยยังมีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยมีเจตนากระทำชำเราผู้เสียหายจริงหรือไม่และพิพากษาลงโทษจำเลยฐานกระทำอนาจารแก่ผู้เสียหายซึ่งเป็นเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี โดยผู้เสียหายอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้นั้นชอบแล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277, 279, 285, 91
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 วรรคสอง เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำคุกกระทงละ 12 ปี รวมสองกระทง จำคุก 24 ปี ข้อหาอื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 279 วรรคสอง จำคุกกระทงละ 2 ปี รวมสองกระทง จำคุก 4 ปี ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…มีปัญหาตามฎีกาของโจทก์และฎีกาของจำเลยซึ่งเห็นควรวินิจฉัยไปพร้อมกันว่า จำเลยกระทำชำเราผู้เสียหายตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น หรือกระทำอนาจารผู้เสียหายตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 หรือไม่… เห็นว่า ผู้เสียหายเป็นเด็กอายุเพียง 7 ปีเศษ หลังจากบิดามารดาตายแล้วก็มีจำเลยและภริยาเท่านั้นเป็นผู้ให้ความอุปการะ จึงไม่มีเหตุผลที่ผู้เสียหายจะเบิกความใส่ร้ายจำเลยซึ่งเป็นผู้มีพระคุณโดยไม่เป็นความจริง โดยเฉพาะพฤติกรรมของจำเลยตอนที่ผู้เสียหายเบิกความว่าเห็นน้ำสีขาวเหนียว ๆ ออกมาจากอวัยวะเพศของจำเลยนั้น นับเป็นเรื่องเกินกว่าที่ผู้เสียหายซึ่งยังไร้เดียงสาอายุเพียง 7 ปีเศษจะปั้นแต่งขึ้นมาได้เอง จึงเชื่อว่าผู้เสียหายเบิกความไปตามความจริง นอกจากนี้ ยังได้ความจากคำเบิกความของนายมนัส อาจารย์ใหญ่โรงเรียนบ้านทุ่งคา ซึ่งผู้เสียหายเรียนอยู่ ถึงสาเหตุที่เรื่องดังกล่าวถูกเปิดเผยออกมาว่า เมื่อเย็นวันที่ 12 กันยายน 2544 พยานทราบจากครูในโรงเรียนว่าผู้เสียหายไปอยู่บ้านพักครู ไม่ยอมกลับบ้าน เมื่อไปสอบถามได้ความว่า เหตุที่ผู้เสียหายไม่ยอมกลับบ้านเป็นเพราะกลัวว่าจะถูกจำเลยกระทำชำเราซึ่งทำมาหลายครั้งแล้ว จึงพาผู้เสียหายไปแจ้งความ แล้วพาไปอาศัยอยู่บ้านพักฉุกเฉิน จำเลยฎีกาเช่นเดียวกับนำสืบทำนองว่า ผู้เสียหายมีนิสัยชอบพูดโกหก และได้รับการเสี้ยมสอนจากครูในโรงเรียนให้ใส่ร้ายจำเลย เนื่องจากครูไม่พอใจที่ถูกจำเลยต่อว่าในตอนที่เรียกจำเลยไปสอบถามถึงเรื่องภายในครอบครัว เกี่ยวกับที่ผู้เสียหายนำหนังสือโป๊ไปโรงเรียน โดยอ้างคำของนางปราณี น้าผู้เสียหาย ที่เข้าเบิกความในฐานะพยานจำเลยว่า นางปราณีได้ทราบจากผู้เสียหายว่า เรื่องทั้งหมดผู้เสียหายพูดโกหกเนื่องจากถูกครูในโรงเรียนเสี้ยมสอนนั้น เป็นข้อที่จำเลยกล่าวอ้างขึ้นมาลอย ๆ หลังจากสืบพยานโจทก์เสร็จสิ้นแล้ว โดยไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ถามค้านตัวผู้เสียหายหรือพยานโจทก์ปากอื่นใดไว้ จึงไม่พอรับฟังหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ แต่การที่ผู้เสียหายเบิกความว่า จำเลยใส่อวัยวะเพศของจำเลยเข้าไปในอวัยวะเพศของผู้เสียหายและชักเข้าชักออกหลายครั้งนั้น เห็นว่า ขณะเกิดเหตุผู้เสียหายเป็นเด็กอายุเพียง 7 ปีเศษ ทั้งร่างกายและอวัยวะสืบพันธุ์ยังไม่เจริญเติบโตเต็มที่ หากอวัยวะเพศของจำเลยล่วงล้ำเข้าไปในช่องคลอดของผู้เสียหายจริงย่อมต้องเกิดร่องรอยฉีกขาด แต่ตามผลการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์กลับไม่พบบาดแผลที่บริเวณช่องคลอดของผู้เสียหาย คำเบิกความของผู้เสียหายจึงน่าจะเกิดจากความไม่เข้าใจหรือคิดไปเองตามประสาเด็ก ส่วนฎีกาของโจทก์ ที่อ้างคำแพทย์หญิงเรณู แพทย์ผู้ตรวจร่างกายผู้เสียหาย ที่เบิกความตอนหนึ่งว่า อวัยวะเพศของผู้เสียหายมีขนาดเล็ก หากมีการร่วมเพศอาจฉีกขาดได้ แต่หากสอดใส่อวัยวะเพศของผู้ชายเข้าไปเพียงเล็กน้อยก็ไม่อาจฉีกขาด เพราะอวัยวะเพศมีความยืดหยุ่น ตามคำของผู้เสียหายแสดงว่าอวัยวะเพศของจำเลยได้ล่วงล้ำเข้าไปในอวัยวะเพศของผู้เสียหายแล้ว แต่ล่วงล้ำเข้าไปเพียงเล็กน้อยจึงไม่มีร่องรอยฉีกขาดนั้น เป็นเพียงความเห็นหรือการคาดคะเนของโจทก์ พฤติการณ์ของจำเลยตามที่ได้ความอาจเป็นเพียงการใช้อวัยวะเพศของจำเลยถูไถกับอวัยวะเพศของผู้เสียหายทางด้านนอกเพื่อสำเร็จความใคร่เท่านั้น เพราะหากจำเลยประสงค์จะกระทำชำเราผู้เสียหายจริง แม้ไม่สำเร็จก็ต้องเกิดร่องรอยบอบช้ำปรากฏให้เห็นอยู่บ้าง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 วินิจฉัยว่า พฤติการณ์ของจำเลยยังมีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยมีเจตนากระทำชำเราผู้เสียหายจริงหรือไม่ และพิพากษาลงโทษจำเลยฐานกระทำอนาจารแก่ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี โดยผู้เสียหายอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้นั้นชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ และฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น ส่วนที่จำเลยฎีกาขอให้ลงโทษสถานเบา และรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยนั้น เห็นว่า ลักษณะการกระทำความผิดของจำเลยเป็นการล่วงละเมิดทางเพศโดยอาศัยความไร้เดียงสาของผู้เสียหายซึ่งอยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูของจำเลย ก่อให้เกิดผลกระทบต่อศีลธรรมอันดีของสังคม พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง แม้ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับโทษจำคุกมาก่อนหรือมีเหตุอื่นที่จำเลยอ้างในฎีกา ก็ไม่มีเหตุผลพอที่จะปรานีจำเลยด้วยการรอการลงโทษจำคุก ทั้งโทษจำคุกที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 กำหนดมานั้น นับว่าเป็นคุณแก่จำเลยมากแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน