คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6784/2553

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

จำเลยที่ 2 ให้การและฟ้องแย้งว่าที่โจทก์อ้างว่าเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทตามหนังสือขายที่ดินท้ายฟ้องนั้นเป็นเท็จ ส. ไม่เคยสละการครอบครองที่ดินพิพาท ไม่เคยขออาศัยหรือเช่าจากโจทก์ เมื่อ ส. ถึงแก่ความตายในปี 2541 จำเลยที่ 2 ก็ครอบครองที่ดินพิพาทด้วยสิทธิของจำเลยที่ 2 เอง ดังนี้ คำให้การและฟ้องแย้งของจำเลยที่ 2 มิได้ยอมรับว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ตั้งแต่แรก หากแต่ต่อสู้อ้างสิทธิของ ส. ผู้เป็นมารดาและสิทธิของตนเมื่อ ส. ถึงแก่ความตาย ฉะนั้น ที่จำเลยที่ 2 ให้การต่อมาว่าการกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นการแย่งการครอบครองที่ดินพิพาทจากโจทก์และโจทก์ฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองเกิน 1 ปี จึงขัดแย้งกับข้อความตอนแรก เพราะการแย่งการครอบครองจะมีขึ้นได้แต่ในที่ดินของผู้อื่นเท่านั้น คดีจึงไม่มีประเด็นเรื่องการแย่งการครอบครองที่ดินพิพาทและโจทก์ฟ้องเอาคืนเกินกำหนดหรือไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งห้ารื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและขนย้ายทรัพย์สินพร้อมบริวารออกจากที่ดินพิพาท ห้ามกระทำการใดให้ที่ดินพิพาทเสียหาย กับให้จำเลยทั้งห้าส่งมอบที่ดินพิพาทให้โจทก์ในสภาพเรียบร้อยสามารถใช้ประโยชน์ได้ทันที ห้ามจำเลยทั้งห้าและบริวารเกี่ยวข้องในที่ดินพิพาทต่อไป ให้จำเลยทั้งห้าร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 5,000 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าจำเลยทั้งห้าจะรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและขนย้ายทรัพย์สินพร้อมบริวารออกจากที่ดินพิพาท
จำเลยที่ 1 ที่ 3 ถึงที่ 5 ขาดนัดยื่นคำให้การ
จำเลยที่ 2 ให้การและฟ้องแย้ง ขอให้ยกฟ้องและพิพากษาว่าจำเลยที่ 2 มีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เลขที่ 7/98 หมู่ที่ 2 ตำบลบ่อโพง อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เนื้อที่ 2 งาน 54 ตารางวา และให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนขายที่ดินพิพาทระหว่างนางส้มเกลี้ยง กับโจทก์ เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2532 และให้ใส่ชื่อจำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาท
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งและแก้ไขคำให้การแก้ฟ้องแย้ง ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งห้ารื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและขนย้ายทรัพย์สินพร้อมบริวารออกจากที่ดินพิพาทตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เลขที่ 7/98 หมู่ที่ 2 ตำบลบ่อโพง อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ห้ามจำเลยทั้งห้ากระทำการใดให้ที่ดินพิพาทเสียหาย กับให้จำเลยทั้งห้าส่งมอบที่ดินพิพาทให้โจทก์ในสภาพเรียบร้อยใช้ประโยชน์ได้ทันที และห้ามจำเลยทั้งห้าและบริวารเกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาทอีกต่อไป ให้จำเลยทั้งห้าร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 3,000 บาท นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 12 มิถุนายน 2546) เป็นต้นไป จนกว่าจำเลยทั้งห้าจะรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและขนย้ายทรัพย์สินพร้อมบริวารออกจากที่ดินพิพาท ให้จำเลยทั้งห้าใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 10,000 บาท ให้ยกฟ้องแย้งของจำเลยที่ 2 ค่าฤชาธรรมเนียมฟ้องแย้งให้เป็นพับ
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ โดยได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถา
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับว่า ให้จำเลยที่ 2 มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เลขที่ 7/98 หมู่ที่ 2 ตำบลบ่อโพง อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา คำขออื่นตามฟ้องแย้งให้ยก ให้ยกฟ้องโจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมตามฟ้องและฟ้องแย้งทั้งสองศาลให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…พิเคราะห์แล้ว คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยว่า คดีมีประเด็นเรื่องการแย่งการครอบครอง และโจทก์ฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองที่ดินพิพาทเกิน 1 ปี จึงไม่มีอำนาจฟ้องนั้นชอบแล้วหรือไม่ เห็นว่า จำเลยที่ 2 ให้การและฟ้องแย้งว่าที่โจทก์อ้างว่าเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทตามหนังสือขายที่ดินท้ายฟ้องเป็นเท็จนางส้มเกลี้ยงไม่เคยสละการครอบครองที่ดินพิพาท ไม่เคยขออาศัยหรือเช่าจากโจทก์เมื่อนางส้มเกลี้ยงถึงแก่ความตายในปี 2541 จำเลยที่ 2 ก็ครอบครองที่ดินพิพาทด้วยสิทธิของจำเลยที่ 2 เอง ดังนี้ คำให้การและฟ้องแย้งของจำเลยที่ 2 มิได้ยอมรับว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ตั้งแต่แรก หากแต่ต่อสู้อ้างสิทธิของนางส้มเกลี้ยงผู้เป็นมารดาและสิทธิของตนเมื่อนางส้มเกลี้ยงถึงแก่ความตาย ฉะนั้น ที่จำเลยที่ 2 ให้การต่อมาว่า การกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นการแย่งการครอบครองที่ดินพิพาทจากโจทก์และโจทก์ฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองเกิน 1 ปี จึงขัดแย้งกับข้อความตอนแรก เพราะการแย่งการครอบครองจะมีขึ้นได้แต่ในที่ดินของผู้อื่นเท่านั้น คดีจึงไม่มีประเด็นเรื่องการแย่งการครอบครองที่ดินพิพาทและโจทก์ฟ้องเอาคืนเกินกำหนดหรือไม่ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ในข้อนี้จึงไม่ชอบ ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น คดีคงมีประเด็นข้ออื่นที่จะต้องพิจารณาต่อไป ซึ่งศาลอุทธรณ์ภาค 1 ยังมิได้วินิจฉัย ศาลฎีกาเห็นสมควรย้อนสำนวนไปให้วินิจฉัยเพื่อให้เป็นไปตามลำดับชั้นศาล”
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ให้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัย ประเด็นข้อพิพาทที่ยังมิได้วินิจฉัยแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นนี้ให้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 รวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่

Share