คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5397/2553

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องอ้างว่า จำเลยทั้งสองกระทำการโดยทุจริตหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงอันเป็นเหตุให้สินค้าที่โจทก์รับประกันภัยไว้สูญหายไปบางส่วนระหว่างการขนส่งสินค้า จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ โจทก์จึงมีภาระการพิสูจน์ เมื่อโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานมาสืบเพื่อสนับสนุนข้ออ้างของตน ข้อเท็จจริงย่อมรับฟังไม่ได้ว่าสินค้าพิพาทสูญหายจากการกระทำโดยทุจริตหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของจำเลยทั้งสอง จำเลยทั้งสองสามารถยกข้อตกลงจำกัดความรับผิดด้านหลังใบรับขนของทางอากาศขึ้นอ้างเป็นประโยชน์แก่ตนได้ ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางวินิจฉัยว่าข้อตกลงดังกล่าวตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 373 นั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 282,797.20 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 277,592.35 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาว่าให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 248,295.06 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 26 เมษายน 2549 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ดอกเบี้ยคิดถึงวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 31 กรกฎาคม 2549)ต้องไม่เกิน 5,204.85 บาท กับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความให้ 5,000 บาท
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองว่า ข้อตกลงจำกัดความรับผิดด้านหลังใบรับขนของทางอากาศใช้บังคับได้หรือไม่ โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยทั้งสองประกอบกิจการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศซึ่งต้องใช้ความระมัดระวังมิให้สินค้าในความครอบครองดูแลของตนสูญหายระหว่างการขนส่ง แต่จำเลยทั้งสองกลับกระทำด้วยการทุจริตหรือด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงทำให้สินค้าที่โจทก์รับประกันภัยไว้สูญหายไปเป็นจำนวนมาก จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ โจทก์จึงมีหน้าที่นำพยานหลักฐานเข้าสืบถึงพฤติการณ์แห่งการกระทำของจำเลยทั้งสองให้ได้ความตามข้ออ้างดังกล่าวซึ่งส่วนนี้ โจทก์มีเพียงนางวาสนา พนักงานฝ่ายสินไหมทดแทนของโจทก์เบิกความประกอบบันทึกถ้อยคำยืนยันข้อเท็จจริงสรุปความได้เพียงว่าจำเลยทั้งสองได้รับมอบสินค้าจากผู้ส่งในสภาพเรียบร้อยครบถ้วน แต่เมื่อสินค้าไปถึงปลายทางผู้รับตราส่งกลับได้รับสินค้าเพียงบางส่วน เมื่อผู้ส่งสอบถาม จำเลยที่ 2 มีโทรสารถึงผู้ส่งยอมรับว่าสินค้าสูญหายแต่ไม่สามารถระบุได้ว่าสินค้าสูญหายไปอย่างไร ที่ไหน และจำเลยทั้งสองจะติดตามสินค้ามาอย่างไร ซึ่งแสดงถึงความไม่ระมัดระวังและไม่ใส่ใจดูแลสินค้า พฤติการณ์มีเหตุอันควรสงสัยว่าจำเลยทั้งสองเป็นผู้ขโมยสินค้าเอง โดยที่คำเบิกความพยานโจทก์ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าขณะที่สินค้าอยู่ในความครอบครองของจำเลยทั้งสองระหว่างการขนส่ง จำเลยทั้งสองจะต้องใช้ความระมัดระวังดูแลสินค้าอย่างไร และที่โจทก์อ้างว่าจำเลยทั้งสองมิได้ใช้ความระมัดระวังให้เพียงพอนั้น จำเลยทั้งสองกระทำหรือไม่กระทำการอย่างไรที่แสดงถึงการทุจริตหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงอันเป็นเหตุให้สินค้าสูญหายไปบางส่วนตลอดจนสภาพร่องรอยที่ปรากฏภายนอกของกล่องบรรจุสินค้าที่ปลายทางว่าเป็นอย่างไรเพื่อให้เห็นได้ว่าจำเลยทั้งสองขโมยสินค้า หรือกระทำโดยทุจริต หรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงคงได้ความจากหนังสือที่จำเลยที่ 2 แจ้งผู้ส่งเสนอขอชดใช้ค่าเสียหายคำนวณตามน้ำหนักสินค้าที่หายไป 9.9157 กิโลกรัม ส่วนข้อความในโทรสารที่โจทก์นำมาเป็นข้ออ้างว่าจำเลยทั้งสองไม่ระมัดระวัง ไม่ใส่ใจดูแลสินค้าและไม่พยายามที่จะติดตามสินค้ากลับคืน เมื่อพิจารณาข้อความทั้งหมดแล้วก็พบว่าเป็นเพียงการบอกกล่าวยอมรับว่าสินค้าสูญหายไปบางส่วน ซึ่งจำเลยทั้งสองได้รีบดำเนินการตรวจสอบแล้วแต่ไม่สามารถระบุได้ว่าสินค้าสูญหายที่ใด ทั้งยังมีข้อความแจ้งเตือนผู้ส่งให้รีบดำเนินการเรียกร้องค่าเสียหาย ซึ่งเป็นเรื่องเกิดขึ้นหลังจากที่สินค้าสูญหายแล้วและจำเลยทั้งสองพยายามที่จะเยียวยาความเสียหายแก่ผู้ส่ง ไม่ใช่เป็นพฤติการณ์การกระทำหรือไม่กระทำการของจำเลยทั้งสองอันเป็นเหตุให้สินค้าสูญหาย จึงไม่อาจนำมาเป็นหลักฐานให้รับฟังว่าจำเลยทั้งสองขโมยสินค้า หรือทุจริต หรือประมาทเลินเล่ออย่างแรงอย่างที่โจทก์กล่าวอ้าง อีกทั้งนางวาสนายังเบิกความตอบทนายจำเลยทั้งสองถามค้านว่า เป็นรายการที่ผู้ส่งแจ้งว่าได้รับสินค้าเพียงบางส่วน โดยโจทก์ไม่ได้ตรวจสอบว่าเป็นความจริงหรือไม่เนื่องจากสินค้าถูกส่งไปต่างประเทศแล้วทั้งที่อยู่ในวิสัยที่จะตรวจสอบได้เนื่องจากผู้รับตราส่งได้รับสินค้าพิพาทแต่ได้ไม่ครบจำนวน ไม่ใช่เป็นกรณีที่สินค้าสูญหายไปทั้งหมดคำเบิกความพยานโจทก์ปากนี้จึงเลื่อนลอย ไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง จำเลยทั้งสองมีนางญาณศิ ผู้จัดการแผนกบริการลูกค้าของจำเลยที่ 2 ยื่นบันทึกถ้อยคำยืนยันข้อเท็จจริงเกี่ยวกับรายละเอียดเงื่อนไขการรับขนสินค้าตลอดจนข้อตกลงจำกัดความรับผิดของผู้ขนส่ง และเมื่อพยานปากนี้เบิกความตอบทนายโจทก์ถามค้านเพื่ออธิบายถึงขั้นตอนการปฏิบัติโดยทั่วไปในการขนส่งสินค้า การคัดแยกและตรวจสอบสินค้าเพื่อขนส่งไปจุดหมายปลายทางก็ไม่ปรากฏว่าทนายโจทก์ได้ถามค้านพยานจำเลยปากนี้ให้ปรากฏข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการขนส่งสินค้าพิพาทอันจะแสดงให้เห็นการกระทำของจำเลยทั้งสองที่เบี่ยงเบนไปจากการปฏิบัติหน้าที่ผู้รับขนของทางอากาศแต่อย่างใด นอกจากนี้ นายนพพร ผู้จัดการทั่วไปบริษัทซิลเวอร์เรย์ จำกัด ผู้ส่งสินค้ายังเบิกความเป็นพยานจำเลยทั้งสองสรุปได้ว่า ผู้ส่งได้ว่าจ้างให้จำเลยทั้งสองขนส่งสินค้าไปต่างประเทศเป็นเวลาประมาณ 20 ปีแล้ว โดยทราบเงื่อนไขการขนส่งและข้อจำกัดความรับผิดของจำเลยทั้งสองจึงได้เอาประกันภัยสินค้าไว้กับโจทก์ ผู้ส่งไม่ได้กรอกมูลค่าสินค้าพิพาทเพื่อการขนส่งไว้ คงกรอกเพียงมูลค่าสินค้าเพื่อการคำนวณภาษีศุลกากรเท่านั้น จำเลยที่ 1 จึงคิดค่าระวางขนส่งตามปริมาตร หรือน้ำหนักของสินค้าแล้วแต่จำนวนใดจะมากกว่าแล้วคำนวณตามระยะทาง การขนส่งสินค้าที่ผ่านมาไม่เคยมีของหาย แสดงเห็นได้ชัดว่า ผู้ส่งว่าจ้างให้จำเลยทั้งสองขนส่งสินค้าพิพาทในลักษณะสินค้าทั่วๆไป มิใช่ในลักษณะการขนส่งสินค้ามีค่าที่ผู้ขนส่งจะต้องระมัดระวังดูแลเป็นพิเศษ ซึ่งจะทำให้ผู้ส่งต้องเสียค่าระวางขนส่งเพิ่มขึ้นและที่ผ่านมาผู้ส่งเองก็ยอมรับเงื่อนไขการขนส่งสินค้าของจำเลยทั้งสองมาโดยตลอด เมื่อโจทก์มีภาระการพิสูจน์พฤติการณ์การกระทำของจำเลยทั้งสอง แต่ไม่มีพยานหลักฐานมานำสืบเพื่อสนับสนุนข้ออ้างของตน ข้อเท็จจริงย่อมไม่อาจรับฟังได้ว่า สินค้าพิพาทสูญหายจากการกระทำโดยทุจริตหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของจำเลยทั้งสองระหว่างการขนส่งสินค้า ข้อตกลงจำกัดความรับผิดด้านหลังใบรับขนของทางอากาศดังกล่าวจึงยังคงใช้บังคับได้ และจำเลยทั้งสองสามารถยกข้อจำกัดความรับผิดดังกล่าวขึ้นอ้างเป็นประโยชน์แก่ตนได้ ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางรับฟังข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำของจำเลยทั้งสองตามที่โจทก์นำสืบและวินิจฉัยว่าจำเลยทั้งสองขนส่งสินค้าพิพาทโดยปราศจากความระมัดระวังถึงขั้นเบี่ยงเบนไปจากวิชาชีพผู้รับขนของทางอากาศอย่างมากจนจัดว่าเป็นความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงและข้อตกลงจำกัดความรับผิดด้านหลังใบรับขนของทางอากาศไม่ครอบคลุมถึง หรือหากคู่สัญญาตกลงกันให้ครอบคลุมถึง ข้อตกลงจำกัดความรับผิดดังกล่าวก็ตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 373 นั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ อุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองฟังขึ้นและไม่จำต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองข้ออื่นอีกต่อไปเพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลง เมื่อได้ความว่าสินค้าพิพาทส่วนที่สูญหายไปมีน้ำหนัก 9.9157 กิโลกรัม จำเลยทั้งสองจึงต้องร่วมกันรับผิดชดใช้ค่าเสียหายของสินค้าตามฟ้องให้แก่โจทก์ในอัตรา 20 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อน้ำหนักสินค้า 1 กิโลกรัม รวมเป็นเงิน 198.32 ดอลลาร์สหรัฐ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวนดังกล่าว นับแต่วันที่โจทก์ได้ใช้เงินไป
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 198.32 ดอลลาร์สหรัฐ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 26 เมษายน 2549 ไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง

Share