คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10595/2551

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ผู้ทรงเช็คผู้ถือมีสิทธิโอนโดยการส่งมอบเช็คให้แก่โจทก์โดยโจทก์หาจำต้องมีนิติสัมพันธ์กับจำเลยผู้สั่งจ่ายไม่ตาม ป.พ.พ. มาตรา 918 ประกอบมาตรา 989 วรรคหนึ่ง และเมื่อเช็คพิพาทตกมาอยู่ในความครอบครองของโจทก์ในฐานะผู้ถือโดยโจทก์อ้างว่ามีผู้นำมาแลกเงินสดจากโจทก์ และจำเลยมิได้ให้การต่อสู้ว่าโจทก์รับโอนเช็คมาโดยไม่สุจริต จึงต้องฟังว่าโจทก์รับโอนเช็คพิพาทมาโดยสุจริตตาม ป.พ.พ. มาตรา 5 โจทก์ย่อมเป็นผู้ทรงเช็คพิพาทตาม ป.พ.พ. มาตรา 904 และมีสิทธิที่จะจดวันออกเช็คตามที่ถูกต้องแท้จริงลงในเช็คพิพาทซึ่งจำเลยไม่ได้ลงวันสั่งจ่ายได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 910 วรรคท้าย ประกอบ มาตรา 989 วรรคหนึ่ง เช็คพิพาทจึงเป็นเช็คที่สมบูรณ์ตามกฎหมาย
การที่จำเลยให้การต่อสู้ว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทให้แก่ ช. โดยมีข้อตกลงมิให้นำเช็คไปเบิกเงินจากธนาคาร และต่อมาได้มีการหักกลบลบหนี้กันระหว่างจำเลยกับ ช. แล้ว จึงไม่มีมูลหนี้ตามเช็คพิพาทอีกต่อไปแล้วนั้น เป็นการต่อสู้โจทก์ผู้ทรงด้วยข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันกันเฉพาะบุคคลระหว่างจำเลยกับ ช. ซึ่งเป็นผู้ทรงคนก่อน ๆ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 916 ประกอบมาตรา 989 วรรคหนึ่ง ซึ่งกฎหมายให้ผู้สั่งจ่ายยกความเกี่ยวพันระหว่างตนกับผู้ทรงคนก่อนขึ้นต่อสู้ผู้ทรงได้ในกรณีที่ ช. หรือผู้ทรงคนถัดไปโอนเช็คพิพาทให้โจทก์โดยคบคิดกันฉ้อฉล จำเลยจึงยกข้อต่อสู้ว่าเช็คพิพาทไม่มีมูลหนี้ต่อกันขึ้นต่อสู้โจทก์ไม่ได้ เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าจำเลยลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คพิพาทและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คดังกล่าว จำเลยจึงตกเป็นฝ่ายผิดนัดต้องรับผิดชำระเงินตามเช็คนั้นให้แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 900 วรรคหนึ่ง, 914 ประกอบมาตรา 989 วรรคหนึ่ง และมาตรา 224 วรรคหนึ่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) สาขาจันทบุรี จำนวนเงินฉบับละ 300,000 บาท รวม 3 ฉบับ ฉบับแรกลงวันที่ 15 ตุลาคม 2545 ฉบับที่สองลงวันที่ 20 พฤศจิกายน 2545 และฉบับที่สามลงวันที่ 20 ธันวาคม 2545 เช็คดังกล่าวมีผู้นำมาแลกเงินสดจากโจทก์ เมื่อโจทก์นำเช็คไปเรียกเก็บเงินปรากฏว่าธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 942,375 พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า จำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทให้แก่นาย ช.เจริญไทย เพื่อเป็นหลักฐานในการเล่นแชร์โดยไม่ได้ลงวันสั่งจ่าย และมีข้อตกลงให้นำเช็คมาแลกเงินสดเมื่อมีการเปียแชร์ ไม่ให้นำเช็คไปเบิกเงินจากธนาคารและไม่อนุญาตให้บุคคลใดลงวันที่ในเช็ค เช็คพิพาทจึงไม่เป็นเช็คตามกฎหมาย ต่อมานาย ช.เจริญไชย ซื้ออะไหล่เครื่องยนต์จากจำเลยและมีการหักกลบลบหนี้ระหว่างจำเลยกับนาย ช.เจริญไชย จึงไม่มีมูลหนี้ตามเช็คพิพาทอีกต่อไปแล้ว จำเลยไม่ได้นำเช็คพิพาทไปแลกเงินสดจากโจทก์หรือมอบเช็คพิพาทให้บุคคลใดนำไปแลกเงินสดจากโจทก์ จำเลยไม่มีนิติสัมพันธ์กับโจทก์ โจทก์ไม่ได้เป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 942,375 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 900,000 บาท นับถัดจากวันฟ้อง (วันที่ 30 กันยายน 2546) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 5,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ 5,000 บาท
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยซึ่งเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทรับผิดใช้เงินตามเช็ค แม้โจทก์จะไม่มีนิติสัมพันธ์กับจำเลยดังที่จำเลยให้การ แต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าเช็คพิพาทเป็นเช็คสั่งจ่ายเงินแก่ผู้ถือซึ่งการโอนเช็คดังกล่าวทำได้เพียงด้วยส่งมอบให้กันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 918 ประกอบมาตรา 989 วรรคหนึ่ง ผู้ทรงเช็คพิพาทจึงมีสิทธิโอนเช็คให้แก่โจทก์โดยโจทก์หาจำต้องมีนิติสัมพันธ์กับจำเลยไม่ และเมื่อเช็คพิพาทตกมาอยู่ในความครอบครองของโจทก์ในฐานะผู้ถือโดยโจทก์อ้างว่ามีผู้นำมาแลกเงินสดจากโจทก์ และจำเลยมิได้ให้การต่อสู้ว่าโจทก์รับโอนเช็คมาโดยไม่สุจริต จึงต้องฟังว่าโจทก์รับโอนเช็คพิพาทมาโดยสุจริตตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 5 โจทก์ย่อมเป็นผู้ทรงเช็คพิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 904 และมีสิทธิที่จะจดวันออกเช็คตามที่ถูกต้องแท้จริงลงในเช็คพิพาทซึ่งจำเลยไม่ลงวันสั่งจ่ายได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 910 วรรคท้าย ประกอบมาตรา 989 วรรคหนึ่ง เช็คพิพาทจึงเป็นเช็คที่สมบูรณ์ตามกฎหมาย ที่จำเลยให้การต่อสู้ว่า จำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทให้แก่นาย ช.เจริญไชย เพื่อเป็นหลักฐานในการเล่นแชร์โดยมีข้อตกลงไม่ให้นำเช็คไปเบิกเงินจากธนาคาร ต่อมานาย ช.เจริญไชย ซื้ออะไหล่เครื่องยนต์จากจำเลยมีการหักกลบลบหนี้กันระหว่างจำเลยกับนาย ช.เจริญไชย จึงไม่มีมูลหนี้ตามเช็คพิพาทอีกต่อไปแล้วนั้น เป็นการต่อสู้โจทก์ผู้ทรงด้วยข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันกันเฉพาะบุคคลระหว่างจำเลยกับนาย ช.เจริญไชยซึ่งเป็นผู้ทรงคนก่อน ๆ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 916 ประกอบมาตรา 989 วรรคหนึ่ง ซึ่งกฎหมายให้ผู้สั่งจ่ายยกความเกี่ยวพันระหว่างตนกับผู้ทรงคนก่อนขึ้นต่อสู้ผู้ทรงได้ในกรณีที่นาย ช.เจริญไชยหรือผู้ทรงคนถัดไปโอนเช็คพิพาทให้แก่โจทก์โดยคบคิดกันฉ้อฉลเท่านั้น เมื่อจำเลยไม่ได้ต่อสู้ว่ามีการโอนเช็คพิพาทให้โจทก์โดยคบคิดกันฉ้อฉลจำเลยจึงยกข้อต่อสู้ว่าเช็คพิพาทไม่มีมูลหนี้ต่อกันขึ้นต่อสู้โจทก์ไม่ได้ดังนั้นแม้จะพิจารณาตามคำให้การจำเลยก็ไม่มีข้อที่จะทำให้จำเลยพ้นความรับผิดตามเช็คที่โจทก์ฟ้องได้ คดีย่อมวินิจฉัยได้โดยไม่จำต้องพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์และจำเลยที่สืบมาแล้ว เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าจำเลยลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คพิพาทและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คดังกล่าว จำเลยจึงตกเป็นฝ่ายผิดนัดต้องรับผิดชำระเงินตามเช็คนั้นให้แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 900 วรรคหนึ่ง, 914 ประกอบมาตรา 989 วรรคหนึ่ง และมาตรา 224 วรรคหนึ่ง ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา 5,000 บาท แทนโจทก์

Share