แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ที่ 1 และที่ 2 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1839/2545 ของศาลชั้นต้น ซึ่งเป็นผู้เสียหายเคยฟ้องจำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นคดีอาญาในความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ โดยอาศัยเหตุจากการที่จำเลยที่ 1 โอนที่ดินหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เลขที่ 199 ให้แก่จำเลยที่ 2 และโจทก์ที่ 1 และที่ 2 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1839/2545 ของศาลชั้นต้น ได้ขอถอนฟ้องคดีอาญาดังกล่าวไป ซึ่งเป็นสิทธิส่วนตัวของโจทก์ที่ 1 และที่ 2 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1839/2545 ซึ่งเป็นผู้เสียหายที่จะกระทำได้ ไม่กระทบถึงสิทธิของโจทก์ในคดีนี้ซึ่งเป็นผู้เสียหายรายอื่นที่จะฟ้องจำเลยได้อีก แม้มูลเหตุที่จะฟ้องเป็นเรื่องการโอนที่ดินมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์รายเดียวกันก็ตาม ไม่เป็นการต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา 36 โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
ย่อยาว
คดีนี้เดิมศาลชั้นต้นสั่งให้รวมพิจารณาเป็นคดีเดียวกันกับคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1839/2545 ของศาลชั้นต้น โดยให้เรียกโจทก์ในคดีดังกล่าวว่าโจทก์ที่ 1 และที่ 2 ตามลำดับ เรียกโจทก์ในคดีนี้ว่าโจทก์ที่ 3 และเรียกจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ทั้งสองสำนวนว่าจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ตามลำดับแต่คดีดังกล่าวยุติไปแล้วตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6 คงขึ้นมาสู่ศาลฎีกาเฉพาะคดีนี้ และให้เรียกชื่อโจทก์ที่ 3 ใหม่ว่า โจทก์ โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 350
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วให้ประทับฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 1 และที่ 2 ยกฟ้องจำเลยที่ 3 และที่ 4
ศาลชั้นต้น พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6 อนุญาตให้ฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์คดีนี้ว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ เห็นว่า โจทก์ที่ 1 และที่ 2 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1839/2545 ของศาลชั้นต้น ซึ่งเป็นผู้เสียหายเคยฟ้องจำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นคดีอาญาในความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ โดยอาศัยเหตุจากการที่จำเลยที่ 1 โอนที่ดินหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3) เลขที่ 199 ให้แก่จำเลยที่ 2 และโจทก์ที่ 1 และที่ 2 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1839/2545 ของศาลชั้นต้นได้ขอถอนฟ้องคดีอาญาดังกล่าวไป ซึ่งเป็นสิทธิส่วนตัวของโจทก์ที่ 1 และที่ 2 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1839/2545 ซึ่งเป็นผู้เสียหายที่จะกระทำได้ ไม่กระทบถึงสิทธิของโจทก์ในคดีนี้ซึ่งเป็นผู้เสียหายรายอื่นที่จะฟ้องจำเลยได้อีก แม้มูลเหตุที่ฟ้องจะเป็นเรื่องการโอนที่ดินมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์รายเดียวกันก็ตาม ไม่เป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 36 โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องและเนื่องจากคดีนี้ศาลชั้นต้นยังไม่ได้พิจารณาและวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่เพื่อให้การพิจารณาคดีเป็นไปตามลำดับชั้นศาล จึงเห็นควรให้ส่งสำนวนคืนไปยังศาลชั้นต้น เพื่อให้พิพากษาหรือมีคำสั่งใหม่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243 (1) ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษายกคำพิพากษาศาลล่างทั้งสอง โดยให้ส่งสำนวนคืนศาลชั้นต้น เพื่อพิจารณาและพิพากษาตามที่เห็นสมควรต่อไป.