แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
ส. และสามีมิได้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษ และทางราชการมิได้ยึดทรัพย์สินของ ส. การที่ ส. มอบเงิน 305,000 บาท แก่จำเลยสืบเนื่องมาจากการหลอกลวงของจำเลยด้วยข้อความอันเป็นเท็จ มิใช่ ส. หรือสามีกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษแล้ว ส. มอบเงินแก่จำเลยเพื่อให้สินบนแก่เจ้าพนักงานเพื่อให้ ส. หรือสามีพ้นจากความผิด จึงถือไม่ได้ว่า ส. ได้ร่วมกับจำเลยนำสินบนไปให้แก่เจ้าพนักงานเพื่อจูงใจให้กระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่ ส. ย่อมเป็นผู้เสียหายตามกฎหมาย มีสิทธิที่จะร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีแก่จำเลยฐานฉ้อโกงได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ให้จำเลยคืนเงินจำนวน 305,000 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 จำคุก 2 ปี ให้จำเลยคืนเงินจำนวน 305,000 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยแต่เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายว่า นางสวนิต ประเสริฐเพ็ญกุล เป็นผู้เสียหายตามกฎหมายหรือไม่ ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าวนั้น ศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 222 ข้อเท็จจริงยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 5 ว่า นางสวนิตสงสัยว่า สามีของตนติดพันหญิงอื่น จึงนำเรื่องปรึกษาจำเลย จำเลยยืนยันว่าสามีของนางสวนิตมีความสัมพันธ์กับนางมุกดาซึ่งมีสามีเป็นคนญี่ปุ่น สามีนางมุกดาเป็นผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ เจ้าพนักงานตำรวจกำลังสืบหาที่อยู่ของนางมุกดาเพื่อยึดทรัพย์สิน และจะตรวจยึดทรัพย์สินของนางสวนิตด้วย หากนางสวนิตไม่ต้องการถูกยึดทรัพย์สิน นางสวนิตต้องนำเงินไปให้พันตำรวจตรีมานพ เสนากูล เพื่อนของจำเลยเพื่อฆ่าสามีนางสวนิต โดยต้องจ่ายค่าจ้างเป็นเงิน 50,000 บาท หรือมอบเงิน 300,000 บาท ผ่านจำเลยให้แก่พันตำรวจตรีมานพเพื่อมอบแก่นายกรัฐมนตรีพันตำรวจโททักษิณ เพื่อช่วยเหลือสามีของตนออกจากกระบวนการค้ายาเสพติด นางสวนิตหลงเชื่อมอบเงิน 305,000 บาท (เป็นค่าบัตรโดยสารเครื่องบิน 5,000 บาท) แก่จำเลย ความจริงไม่มีข้อเท็จจริงตามที่จำเลยอ้างเกิดขึ้นจริง หากแต่จำเลยมีเจตนาทุจริตหลอกลวงนางสวนิตด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จมาแต่ต้น เห็นว่า นางสวนิตและสามีมิได้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษ และทางราชการมิได้ยึดทรัพย์สินของนางสวนิต การที่นางสวนิตมอบเงิน 305,000 บาท แก่จำเลยสืบเนื่องมาจากการหลอกลวงของจำเลยด้วยข้อความอันเป็นเท็จ มิใช่นางสวนิตหรือสามีกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษแล้วนางสวนิตมอบเงินแก่จำเลยเพื่อให้สินบนแก่เจ้าพนักงานเพื่อให้นางสวนิตหรือสามีพ้นจากความผิด จึงถือไม่ได้ว่านางสวนิตได้ร่วมกับจำเลยนำสินบนไปให้แก่เจ้าพนักงานเพื่อจูงใจให้กระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่ นางสวนิตย่อมเป็นผู้เสียหายตามกฎหมาย มีสิทธิที่จะร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีแก่จำเลยฐานฉ้อโกงได้ ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน