คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2105/2548

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ผู้ร้องเป็นบริษัทที่ประกอบกิจการขนส่ง และมีรถบรรทุกไว้บริการลูกค้าประมาณ 10 คัน การที่ผู้ร้องได้ออกประกาศข้อบังคับให้ลูกจ้างถือปฏิบัติการบรรทุกน้ำหนักตามกำหนดนั้น ถือเป็นเรื่องภายในของผู้ร้อง แต่ผู้ร้องยังจะต้องมีหน้าที่ตรวจตราโดยหาวิธีการอื่นมาควบคุมมิให้มีการบรรทุกเกินอีกด้วย มิใช่เพียงแต่ปิดประกาศข้อบังคับให้ลูกจ้างทราบแล้วปล่อยให้ลูกจ้างขับรถไปบรรทุกโดยไม่มีการควบคุมอีกชั้นหนึ่งย่อมเป็นช่องทางให้มีการบรรทุกเกินกำหนดได้โดยง่าย ซึ่งผู้ร้องย่อมทราบเรื่องนี้เป็นอย่างดี ดังนั้น การที่ผู้ร้องปล่อยปละละเลยจนจำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างขับรถยนต์บรรทุกของผู้ร้องไปบรรทุกเกินกำหนด ย่อมถือได้ว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดของจำเลยด้วย

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานใช้ยานพาหนะบรรทุกน้ำหนักเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด และให้ริบรถยนต์บรรทุกของกลาง ต่อมาผู้ร้องยื่นคำร้องว่าเป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกคันดังกล่าว มิได้มีส่วนรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดของจำเลย ขอให้คืนรถยนต์บรรทุกของกลางแก่ผู้ร้อง
โจทก์ยื่นคำคัดค้าน ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้เป็นยุติว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกของกลาง หมายเลขทะเบียน 70-1015 ชลบุรี วันเกิดเหตุผู้ร้องใช้ให้จำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างขับรถยนต์ดังกล่าวไปรับจ้างบรรทุกปูนซีเมนต์ที่บริษัทจงสวัสดิ์ก่อสร้าง จำกัด เพื่อนำไปส่งให้แก่การไฟฟ้าบางขุนเทียน ปรากฏว่าปูนซีเมนต์ที่บรรทุกนั้นน้ำหนักเกินไปจากอัตราที่กำหนดไว้ 2,970 กิโลกรม อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ศาลชั้นต้นจึงพิพากษาลงโทษจำเลยและริบรถยนต์บรรทุกของกลาง ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องมีว่า ผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลยหรือไม่ ทางการไต่สวนผู้ร้องนำสืบว่า ผู้ร้องได้ออกประกาศและข้อบังคับให้ลูกจ้างทุกคนทราบและปฏิบัติตามในเรื่องการปฏิบัติงานของพนักงานขับรถบรรทุกให้บรรทุกน้ำหนักตามกำหนด ซึ่งจำเลยก็ได้รับทราบประกาศดังกล่าวแล้ว เมื่อจำเลยฝ่าฝืนกระทำความผิดจึงต้องถูกลงโทษตัดเงินเดือนและให้พักงาน ในที่สุดจำเลยได้ลาออกจากงานไป การบรรทุกสินค้าครั้งนี้ผู้ร้องและลูกค้าที่ว่าจ้างได้ตกลงราคาว่าจ้างกันเป็นรายเที่ยว ๆ ละ 3,000 บาท เห็นว่า ผู้ร้องเป็นบริษัทที่ประกอบกิจการขนส่งและมีรถบรรทุกไว้บริการลูกค้าประมาณ 10 คัน การที่ผู้ร้องได้ออกประกาศข้อบังคับให้ลูกจ้างได้ถือปฏิบัติการบรรทุกน้ำหนักตามกำหนดนั้นนับว่าเป็นสิ่งที่ดี ประกาศและข้อบังคับดังกล่าวเป็นเรื่องภายในของผู้ร้อง แต่ผู้ร้องยังจะต้องมีหน้าที่ตรวจตราโดยหาวิธีการอื่นมาควบคุมมิให้มีการบรรทุกเกินอีกด้วย มิใช่เพียงแต่ปิดประกาศข้อบังคับให้ลูกจ้างทราบเท่านั้น แล้วปล่อยให้ลูกจ้างขับรถไปบรรทุกโดยไม่มีการควบคุมอีกชั้นหนึ่งย่อมเป็นช่องทางให้มีการบรรทุกเกินกำหนดได้โดยง่าย ซึ่งผู้ร้องย่อมทราบเรื่องนี้เป็นอย่างดี ดังนั้น การที่ผู้ร้องปล่อยปละละเลยเช่นนี้จนจำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างขับรถยนต์บรรทุกของกลางไปบรรทุกเกินกำหนดดังกล่าว ย่อมถือได้ว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดของจำเลยด้วย ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นให้ยกคำร้องนั้นชอบแล้ว ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share