แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ประทุษฐร้ายส่วนแพ่ง ยึดทรัพย์ผิด น่าที่ผู้ถูกยึด
ย่อยาว
เดิม ค.เปนลูกณี่ ล. ตามคำพิพากษา ล.จึงนำเจ้าพนักงานยึดยึดทรัพย์ของ ค. ได้ชี้ให้เจ้าพนักงานยึดเรือซึ่งขึ้นคานอยู่ลำหนึ่ง เวลานั้น พ. ภรรยา ค. ได้แจ้งขนาดของเรือแก่เจ้าพนักงานว่าเปนเรือฉลอมโขนยาว ๖ วา ๖ ยืด เจ้าพนักงานจึงจดข้อความไว้ในบาญชีแลให้ พ. ลงลายมือรับรองแล้วมอบทรัพย์นั้นให้ พ. รักษาไว้ แต่ความจริงเรือลำที่ขึ้นคานเปนเรือขนาด ๕ ยืด ไม่ใช่ ๖ ยืดแล ค.ยังมีเรืออีกลำหนึ่งขนาด ๖ ยืดมีลักษณตรงกับข้อความที่เจ้าพนักงานจดไว้ ค. ให้ผู้มีชื่อเช่าเดือนละ ๓๕ บาท ถึงเวลาขายทอดตลาด เจ้าพนักงานจึงได้จัดการขายเรือขนาด ๖ ยืดนี้ไป โดยถูกต้องชอบด้วยกฎหมายทุกประการ ล. รับซื้อเรือนี้ราคา ๔๐๐ บาทแล้วเอาไปขายให้ ฮ. ๘๐๐ บาท ค. จึงฟ้องหาว่า ล. แล อ.สมคบกันยึดทรัพย์ของโจทย์ขายทอดตลาดโดยทุจริต เรียกทุนทรัพย์ ๑๖๐๐ บาท กับค่าเช่าเรือเดือนละ ๓๕ บาท
ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยไม่ได้กระทำผิดที่จะต้องใช้ค่าเสียหายแก่โจทย์อย่างหนึ่งอย่างใด เรือที่ขายนี้ก็เปนเรือของโจทย์ผู้มีน่าที่จะต้องใช้ณี่สินแก่ ล. ตามคำพิพากษา แม้จะมีการเข้าใจผิดเกิดขึ้นก็ได้เกิดจาก พ. ภรรยาของโจทย์เองโจทย์ละเลยไม่เอาใจใส่ที่จะระวังรักษาทรัพย์ของตน จะฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยมิได้ให้ยกฎีกาโจทย์