คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2180/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ขายที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยและได้ส่งมอบการครอบครองที่ดินพิพาทให้แก่จำเลย โดยจำเลยเสียภาษีบำรุงท้องที่ในนามของตนเองมาโดยตลอด การที่โจทก์กลับมาอ้างสิทธิว่าเป็นผู้มีสิทธิตามหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก. 4 – 01) ที่ได้ในภายหลังนั้นและมาฟ้องขอให้บังคับขับไล่จำเลย จึงเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตทั้งเป็นปัญหาเกี่ยวกับเรื่องอำนาจฟ้องซึ่งเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินพิพาท

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากที่ดินตามหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก. ๔ – ๐๑) เลขที่ ๘๒๑ ตำบลโพธิ์วงศ์ อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ ห้ามเข้าเกี่ยวข้องอีกต่อไป และให้ส่งมอบที่ดินแปลงดังกล่าวคืนแก่โจทก์ในสภาพเรียบร้อย ให้จำเลยรับเงินชำระหนี้เงินกู้ยืมจำนวน ๑๔,๐๐๐ บาท คืนไปจากโจทก์ด้วย ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นรายปี ปีละ ๑๕,๐๐๐ บาท นับจากปี ๒๕๓๙ เป็นต้นไป จนกว่าจำเลยและบริวารจะส่งมอบที่ดินพิพาทคืนแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลย โดยกำหนดค่าทนายความ ๑,๒๐๐ บาท
โจทก์อุทธรณ์ โดยผู้พิพากษาซึ่งนั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุอันควรอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงได้
ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ พิพากษายืน ให้โจทก์ใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์แทนจำเลย ๖๐๐ บาท
โจทก์ฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังยุติว่า ที่ดินพิพาทเป็นที่ดินตามหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก. ๔ – ๐๑) ที่ทางราชการออกให้แก่โจทก์ ตามเอกสารหมาย จ. ๑ ที่ดินดังกล่าวอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ทางราชการได้กำหนดให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม และโจทก์มอบที่ดินพิพาทให้จำเลยครอบครองทำประโยชน์ตั้งแต่ปี ๒๕๒๖ จนถึงปัจจุบัน ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่า โจทก์กู้ยืมเงินจากจำเลยและมอบที่ดินพิพาทให้จำเลยทำกินต่างดอกเบี้ยหรือไม่ และโจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยหรือไม่ เห็นว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์ขายที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยตั้งแต่ปี ๒๕๒๖ มิใช่มอบที่ดินพิพาทให้จำเลยทำกินต่างดอกเบี้ย และได้ส่งมอบการครอบครองที่ดินพิพาทให้แก่จำเลย จำเลยเสียภาษีบำรุงท้องที่ในนามของตนเองมาโดยตลอด การที่โจทก์กลับมาอ้างสิทธิว่าเป็นผู้มีสิทธิตามหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก. ๔ – ๐๑) เอกสารหมาย จ. ๑ ซึ่งเป็นการได้ภายหลังจากนั้น และมาฟ้องขอให้บังคับขับไล่จำเลยเช่นนี้ จึงเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต และเป็นปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องซึ่งเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินพิพาท ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share