คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1755/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์และทายาทอื่นของ ก.มอบหมายให้จำเลยที่ 1 ดูแลที่ดินพิพาทมี ส.ค.1 มรดกของก.แทน จำเลยที่ 1 จึงเป็นผู้ครอบครองที่ดินพิพาทแทนทายาทของ ก.ตลอดมา การที่จำเลยที่ 1 เพียงแต่ไปขอออก น.ส.3 ก. ในที่ดินพิพาทเป็นชื่อของจำเลยที่ 1 และสามีจำเลยที่ 1 เสียภาษีบำรุงท้องที่สำหรับที่ดินพิพาทเท่านั้น ยังไม่อาจถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้แสดงเจตนาเปลี่ยนลักษณะการครอบครองที่ดินพิพาทเป็นครอบครองเพื่อตนเอง และได้แสดงเจตนาดังกล่าวให้ฝ่ายโจทก์ทราบ จำเลยที่ 1 จึงไม่ได้สิทธิครอบครองในที่ดินพิพาท

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ที่ดิน ส.ค.๑ เลขที่ ๗๐๙ ที่พิพาทเป็นมรดกของ ก. ที่ตกทอดแก่โจทก์ทั้งหกกับพวกซึ่งได้มอบให้จำเลยที่ ๑ ครอบครองดูแลแทน แต่จำเลยทั้งสองกลับไปขอออก น.ส.๓ ก. เลขที่ ๕๐๘๙ เป็นของตน โจทก์ได้คัดค้านแล้วตกลงกันไม่ได้ ขอให้พิพากษาว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ เพิกถอน น.ส.๓ ก. และให้ขับไล่จำเลยกับบริวารออกจากที่พิพาท
จำเลยที่ ๑ ให้การว่า ที่พิพาทไม่ใช่มรดกของ ก. แต่เป็นของจำเลยที่ ๑ และสามี โจทก์กับพวกไม่เคยมอบที่ดินพิพาทให้จำเลยที่ ๑ ดูแลแทน เหตุที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ เพราะหลังจากจำเลยที่ ๑ ขอออก น.ส.๓ ก. ในที่ดินพิพาทแล้ว โจทก์ขอแบ่ง แต่จำเลยที่ ๑ ไม่แบ่งให้
จำเลยที่ ๒ ให้การว่า ที่ดินพิพาทเป็นของ ก. จำเลยที่ ๒ ได้ซื้อเพียงส่วนหนึ่งตรงมุมด้านทิศตะวันตก ที่ดินที่เหลือ ก.ให้จำเลยที่ ๑ ปลูกบ้านอาศัยอยู่ชั่วคราว เมื่อ ก. ถึงแก่กรรม ทายาทของ ก. ให้จำเลยที่ ๑ อยู่อาศัยต่อไป ต่อมาจำเลยที่ ๑ ไปขอออก น.ส.๓ ก. เฉพาะในที่ดินส่วนที่ครอบครองอาศัย แต่เจ้าหน้าที่ได้แนะนำให้ขอออก น.ส.๓ ก. เต็มทั้งแปลงเดิมเป็นฉบับเดียวกันก่อนคือ น.ส.๓ ก. เลขที่ ๕๐๘๙ แล้วจึงแบ่งแยกเป็น น.ส.๓ ก. เลขที่ ๕๐๙๐ ให้จำเลยที่ ๒ ตามสิทธิ ที่ดินพิพาทในส่วนหลังนี้จึงเป็นของจำเลยที่ ๒
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่ดินพิพาทตาม น.ส.๓ ก. เลขที่ ๕๐๘๙ เป็นของโจทก์ ให้เพิกถอน และให้จำเลยที่ ๑ กับบริวารออกจากที่ดินพิพาทยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ ๒
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ ๑ ด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ทั้งหกฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่ดินพิพาทตาม น.ส.๓ ก. เลขที่ ๕๐๘๙ โจทก์ทั้งหกและทายาทอื่น ๆ ของ ก.มอบหมายให้จำเลยที่ ๑ ดูแลที่ดินพิพาทแทนจำเลยที่ ๑ จึงครอบครองที่ดินพิพาทแทนทายาทของ ก.ตลอดมา เมื่อไม่ปรากฏว่า จำเลยที่ ๑ ได้แสดงเจตนาเปลี่ยนลักษณะการครอบครองที่ดินพิพาทเป็นครอบครองเพื่อตนเอง และได้แสดงเจตนาดังกล่าวให้ฝ่ายโจทก์ทราบ จำเลยที่ ๑ ย่อมไม่ได้สิทธิครอบครองที่ดินพิพาท อนึ่ง การที่จำเลยที่ ๑ ไปขอออก น.ส.๓ ก. ในที่ดินพิพาทเป็นชื่อของจำเลยที่ ๑ และสามีจำเลยที่ ๑ เสียภาษีบำรุงท้องที่สำหรับที่ดินพิพาทนั้นไม่อาจถือได้ว่า จำเลยที่ ๑ ได้แสดงเจตนาครอบครองที่ดินพิพาทอย่างเป็นเจ้าของให้ฝ่ายโจทก์ทราบ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาโจทก์ทั้งหกฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.

Share