คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1242/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสมาผู้แทนราษฎรบรรยายว่า ในการตรวจนับคะแนน ถ้าบัตรนั้นเป็นคะแนนของผู้ร้อง กรรมการก็จงใจตัดสินให้เป็นบัตรเสีย แต่ถ้าบัตรนั้นเป็นคะแนนของผู้ได้รับเลือกตั้ง ถึงแม้จะเป็นบัตรเสีย กรรมการจงใจนับให้เป็นบัตรดี ซึ่งบัตรเสียบัตรดีเหล่านี้มีจำนวนไม่น้อยกว่า 1,000 บัตร มิได้กล่าวว่าบัตรเสียนั้นมีลักษณะอย่างไร เสียอย่างไร กรรมการนับบัตรเสียเป็นบัตรดีจำนวนเท่าไร นับบัตรดีเป็นบัตรเสียจำนวนเท่าไร และที่ว่าเพิ่มคะแนนเลือกตั้ง ใช้สิทธิลงคะแนนแทนผู้อื่น จงใจนับคะแนนให้ผิดพลาดจากความเป็นจริง ก็ไม่ได้กล่าวให้ชัดแจ้งว่าเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้ง กรรมการตรวจคะแนน และเสมียนคะแนน ผู้ควบคุมหน่วยเลือกตั้งหน่วยใดเพิ่มคะแนนเลือกตั้งให้ผู้สมัครคนใด จำนวนใด ใช้สิทธิลงคะแนนแทนผู้อื่นนั้นเป็นใครบ้างและที่ว่าจงใจนับคะแนนให้ผิดจากความจริง ผิดไปเป็นจำนวนเท่าใด จึงเป็นคำร้องที่เคลือบคลุม
คำร้องบรรยายว่า ผู้ได้รับเลือกตั้งให้เงินแก่ผู้เลือกตั้งเพื่อจูงใจให้ละคะแนนให้แก่ตนเอง มิได้กล่าวว่าให้เงินแก่ผู้ใด ในหน่วยเลือกตั้งใดบ้าง และที่ว่าผู้ได้รับเลือกตั้งจัดพาหนะ คือรถยนต์ให้แก่ผู้เลือกตั้งโดยไม่เสียค่าพาหนะนั้น ไม่ทราบว่ายานพาหนะจำนวนมากน้อยเพียงใด ผู้เลือกตั้งที่รับไปลงคะแนนมีจำนวนมากพอที่จะเปลี่ยนแปลงของการเลือกตั้งหรือไม่ จึงเป็นคำร้องเคลือบคลุม
คำร้องบรรยาว่าผู้ได้รับเลือกตั้งได้ให้คำมั่นสัญญาแก่บรรดาเจ้าของรถยนต์โดยสารร่วมของบริษัทขนส่งจำกัด สาย 15 ซึ่งวิ่งรับส่งคนโดยสารระหว่างจังหวัดอ่างทองกับกรุงเทพมหานครว่า จะติดต่อวิ่งเต้นกับทางราชการไม่ให้รถยนต์โดยสารของบริษัทขนส่งจำกัด สาย 99 ซึ่งวิ่งรับส่งคนโดยสารระหว่างจังหวัดพระนครศรีอยุธยากับกรุงเทพมหานครวิ่งรับคนโดยสารที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาอีกต่อไป เพราะจะทำให้รถยนต์โดยสารสาย 15 ขาดผลประโยชน์ เพื่อจูงใจให้เจ้าของรถยนต์โดยสารเหล่านั้นลงคะแนนเลือกตั้งให้นั้นตามคำร้องมิได้กล่าวจูงใจใครบ้างที่ว่าเป็นเจ้าของรถยนต์โดยสาร จึงเป็นคำร้องที่เคลือบคลุม
คำร้องบรรยายว่าผู้ได้รับเลือกตั้งต่อเจ้าอาวาสวัดต่าง ๆ ในเขตอำเภอป่าโมก อำเภอโพธิ์ทอง ที่มีหน่วยเลือกตั้งลงคะแนนเลือกตั้ง ตามคำร้องของผู้ร้องไม่ทราบว่าจะให้เงินแก่วัดใด จำนวนเท่าใด และเพียงแต่รับว่าจะให้เงินแก่วัดเหล่านั้น ไม่ทราบว่าวัดไหน หรือคณะกรรมการวัดไหนตกลงจะช่วยเหลือบ้าง หรือมีการช่วยเหลือกันอย่างไรบ้าง จึงเป็นคำร้องเคลือบคลุม

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า เมื่อวันที่ ๔ เมษายน ๒๕๑๙ มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่จังหวัดอ่างทอง มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้สองคน มีผู้สมัครรับเลือกตั้ง ๑๖ คน ผู้ร้องเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งคนหนึ่ง ผลการเลือกตั้งปรากฏว่าลำดับที่ ๑ นายหิรัญ ช่วงฉ่ำ ได้ ๒๕,๘๕๗ คะแนน ลำดับที่ ๒ นายสุรชัย บุญแสง ได้ ๑๔,๕๔๒ คะแนน ส่วนผู้ร้องได้ ๑๔,๑๙๗ คะแนน เป็นลำดับที่ ๓ ผู้ร้องเห็นว่าการเลือกตั้งเป็นไปมิชอบ เพราะเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้ง กรรมการตรวจคะแนนและเสมียนคะแนน สมคบกันกระทำการทุจริตเพิ่มคะแนนเลือกตั้ง ใช้สิทธิลงคะแนนแทนผู้อื่น จงใจนับคะแนนให้ผิดพลาดจากความเป็นจริง และผู้ได้รับเลือกตั้งได้ให้เงินแก่ผู้เลือกตั้ง จัดยานพาหนะรับส่งโดยไม่ต้องเสียค่าโดยสาร ให้คำมั่นสัญญาแก่บรรดาเจ้าของรถโดยสารร่วมของบริษัทขนส่งจำกัด ว่าจะติดต่อกับทางราชการไม่ให้รถยนต์ของบริษัทขนส่งจำกัดวิ่งรับคนโดยสาร และรับว่าจะให้เงินแก่วัดต่าง ๆ โดยขอให้เจ้าอาวาสจูงใจผู้เลือกตั้งให้ลงคะแนนให้ จึงขอให้ศาลไต่สวนและมีคำสั่งว่าการเลือกตั้งมิชอบ ให้มีการเลือกตั้งใหม่
ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทองและนายหิรัญ ช่วงฉ่ำ นายสุรชัย บุญแสง ผู้ได้รับเลือกตั้งยื่นคำคัดค้านว่า เจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งได้ปฏิบัติหน้าที่โดยชอบ การดำเนินการเลือกตั้งเป็นไปโดยเปิดเผย ต้องขานชื่อบุคคลผู้มาใช้สิทธิให้ได้ยินและรู้เห็นทั่วกัน จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการใช้สิทธิลงคะแนนแทนผู้อื่น การตรวจนับคะแนนถูกต้อง ที่ผู้ร้องว่าหากมีการตรวจนับคะแนนใหม่จะได้คะแนนมากกว่านายสุรชัย บุญแสง ผู้ได้รับคะแนนเลือกตั้งเป็นที่ ๒ นั้น เป็นการเข้าใจหรือคาดคะเนเอาเอง และตัดคำร้องว่าเป็นคำร้องเคลือบคลุม ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นสั่งงดการไต่สวน ทำความเห็นว่าคำร้องของผู้ร้องเป็นคำร้องเคลือบคลุม
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า
๑. คำร้องที่ว่า ในการตรวจนับคะแนน ถ้าบัตรนั้นเป็นคะแนนของผู้ร้อง กรรมการก็จงใจตัดสินให้เป็นบัตรเสีย แต่ถ้าบัตรนั้นเป็นคะแนนของผู้ได้รับเลือกตั้ง ถึงแม้จะเป็นบัตรเสีย กรรมการจงใจนับให้เป็นบัตรดี ซึ่งบัตรเสียบัตรดีเหล่านี้มีจำนวนไม่น้อยกว่า ๑,๐๐๐ บัตร พิเคราะห์แล้วเห็นว่า บัตรเลือกตั้งที่ให้ถือเป็นบัตรเสียมีถึง ๕ กรณีด้วยกัน แต่คำร้องมิได้กล่าวว่าบัตรเสียนั้นมีลักษณะอย่างไร เสียอย่างไร กรรมการนับบัตรเสียเป็นบัตรดีจำนวนเท่าใด นับบัตรดีเป็นบัตรเสียจำนวนเท่าใด และที่ว่าเพิ่มคะแนนเลือกตั้ง ใช้สิทธิลงคะแนนแทนผู้อื่น จงใจนับคะแนนให้ผิดพลาดจากความเป็นจริง ก็ไม่ได้กล่าวให้ชัดแจ้งว่าเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้ง กรรมการตรวจคะแนน และเสมียนคะแนน ผู้ควบคุมหน่วยเลือกตั้งหน่วยใดเพิ่มคะแนนเลือกตั้งให้ผู้สมัครคนใด จำนวนใด ใช้สิทธิลงคะแนนแทนผู้อื่นนั้นเป็นใครบ้างและที่ว่าจงใจนับคะแนนให้ผิดจากความจริง ผิดไปเป็นจำนวนเท่าใด
๒. คำร้องที่ว่า นายหิรัญ ช่วงฉ่ำ และนายสุรชัย บุญแสง ให้เงินแก่ผู้เลือกตั้งเพื่อจูงใจให้ละคะแนนให้แก่ตนเอง ในคำร้องก็มิได้กล่าวว่าให้เงินแก่ผู้ใด ในหน่วยเลือกตั้งใดบ้าง ส่วนบุคคลทั้งสามจัดยานพาหนะ คือรถยนต์ให้แก่ผู้เลือกตั้งโดยไม่เสียค่าพาหนะนั้น ไม่ทราบว่ายานพาหนะจำนวนมากน้อยเพียงใด ผู้เลือกตั้งที่รับไปลงคะแนนมีจำนวนมากพอที่จะเปลี่ยนแปลงของการเลือกตั้งหรือไม่
๓. คำร้องที่ว่า นายหิรัญ ช่วงฉ่ำ ผู้ได้รับเลือกตั้งคนหนึ่ง ได้ให้คำมั่นสัญญาแก่บรรดาเจ้าของรถยนต์โดยสารร่วมของบริษัทขนส่งจำกัด สาย ๑๕ ซึ่งวิ่งรับส่งคนโดยสารระหว่างจังหวัดอ่างทองกับกรุงเทพมหานครว่า จะติดต่อวิ่งเต้นกับทางราชการไม่ให้รถยนต์โดยสารของบริษัทขนส่งจำกัด สาย ๙๙ ซึ่งวิ่งรับส่งคนโดยสารระหว่างจังหวัดพระนครศรีอยุธยากับกรุงเทพมหานครวิ่งรับคนโดยสารที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาอีกต่อไป เพราะจะทำให้รถยนต์โดยสารสาย ๑๕ ขาดผลประโยชน์ เพื่อจูงใจให้เจ้าของรถยนต์โดยสารเหล่านั้นลงคะแนนเลือกตั้งให้นั้นตามคำร้องมิได้กล่าวจูงใจใครบ้างที่ว่าเป็นเจ้าของรถยนต์โดยสาร
๔. คำร้องที่ว่านายสุรชัย บุญแสง ผู้ได้รับเลือกตั้งคนหนึ่ง ติดต่อเจ้าอาวาสวัดต่าง ๆ ในเขตอำเภอป่าโมก อำเภอโพธิ์ทอง ที่มีหน่วยเลือกตั้งอยู่หลายสิบวัด รับว่าให้เงินแก่วัดเหล่านั้น เพื่อขอให้เจ้าอาวาสและคณะกรรมการวัดนั้น ๆ จูงใจให้ผู้เลือกตั้งลงคะแนนเลือกตั้ง ตามคำร้องของผู้ร้องไม่ทราบว่าจะให้เงินแก่วัดใด จำนวนเท่าใด และเพียงแต่รับว่าจะให้เงินแก่วัดเหล่านั้น ไม่ทราบว่าวัดไหน หรือคณะกรรมการวัดไหนตกลงจะช่วยเหลือบ้าง หรือมีการช่วยเหลือกันอย่างไรบ้าง
ดังกล่าวแล้วนี้เห็นว่า คำร้องของผู้ร้องไม่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา เป็นคำร้องที่เคลือบคลุม ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๗๒ จึงให้ยกคำร้องของผู้เสียหาย

Share