คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1526/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในคดีฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าไม่เกินเดือนละสองพันบาทซึ่งเป็นคดีที่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงนั้นข้อที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยมิได้ผิดนัดชำระค่าเช่า 2 คราวติดกัน จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามมิให้อุทธรณ์มาแต่ชั้นศาลอุทธรณ์แม้ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยให้ ก็ต้องถือว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแต่ชั้นอุทธรณ์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
การบรรยายฟ้องให้เป็นที่เข้าใจว่าโจทก์มุ่งประสงค์อย่างใดนั้นไม่จำต้องใช้ศัพท์ให้ตรงตามกฎหมายเสมอไป
ฟ้องของโจทก์เมื่ออ่านรวมกันมาตั้งแต่ต้น ย่อมบ่งให้เห็นว่าจำเลยผิดนัดชำระค่าเช่า 2 คราวติด ๆ กันแล้ว

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากห้องเช่าห้ามจำเลยเกี่ยวข้องต่อไป ให้จำเลยชำระค่าเช่าที่ติดค้างและค่าเสียหาย
จำเลยให้การสู้คดี
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากห้องพิพาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้เป็นคดีฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าไม่เกินเดือนละสองพันบาท จึงเป็นคดีที่ต้องห้ามมิให้คู่ความอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ข้อที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยมิได้ผิดนัดชำระค่าเช่า๒ คราวติดกัน จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามมิให้อุทธรณ์มาแต่ชั้นศาลอุทธรณ์ แม้ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยให้ ก็ต้องถือว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแต่ชั้นอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๒๔๙ ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยให้
มีปัญหาข้อกฎหมายให้ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเดียวว่า ฟ้องของโจทก์สมบูรณ์หรือขาดตกบกพร่องหรือไม่
ศาลฎีกาเห็นว่า การบรรยายฟ้องให้เป็นที่เข้าใจว่าโจทก์มุ่งประสงค์อย่างใดนั้นไม่จำต้องใช้ศัพท์ให้ตรงตามกฎหมายเสมอไป ฟ้องของโจทก์นี้เมื่ออ่านรวมกันมาตั้งแต่ต้นแล้วย่อมบ่งให้เห็นว่าจำเลยผิดนัดชำระค่าเช่า๒ คราวติด ๆ กันแล้ว โดยโจทก์กล่าวไว้ในฟ้องข้อ ๒ วรรค ๒ ว่า “ครั้นเมื่อนายรัถการโกวิทบิดาโจทก์ได้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้แก่โจทก์แล้ว โจทก์ได้มีหนังสือบอกกล่าวแจ้งการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินให้จำเลยทราบ พร้อมทั้งขอให้จำเลยนำค่าเช่าไปชำระแก่โจทก์หลายครั้งแต่จำเลยเพิกเฉยเสีย ไม่ยอมนำเงินค่าเช่าห้องเลขที่ ๓๑๔๗ ไปชำระให้แก่โจทก์ ครั้งสุดท้ายเมื่อสัญญาเช่าห้องเลขที่ดังกล่าวซึ่งทำไว้กับนายรัถการโกวิทหมดอายุแล้ว โจทก์ได้มอบหมายให้ทนายบอกกล่าวให้จำเลยไปทำสัญญาเช่าเสียใหม่ และให้นำเงินค่าเช่าไปชำระ แต่จำเลยก็ไม่ยอมไปทำสัญญาเช่าหรือนำเงินค่าเช่าที่ติดค้างไปชำระ ปรากฏตามหนังสือบอกกล่าวแบบเสนอท้ายฟ้องหมายเลข ๒และ ๓ ศาลฎีกาเห็นว่า ตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์บ่งให้เห็นได้อย่างชัดเจนแล้วว่าจำเลยผิดนัดชำระค่าเช่าเกินกว่า ๒ คราวติดกัน เพราะเมื่อทวงเตือนให้นำค่าเช่าไปชำระให้แก่โจทก์หลายครั้งจำเลยก็เพิกเฉยเสียศาลฎีกาจึงเห็นว่าฟ้องของโจทก์สมบูรณ์แล้ว
พิพากษายืน

Share