แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีไม่มีทุนทรัพย์ ซึ่งกลายเป็นคดีมีทุนทรัพย์ในภายหลังแม้ศาลกำหนดให้โจทก์นำค่าขึ้นศาลที่เพิ่มขึ้นมาชำระก่อนวันนัดพิจารณา แต่ต่อมาได้มีการเลื่อนการพิจารณาโดยคู่ความแถลงว่า คดีอาจมีทางตกลงกัน แล้วตกลงกันไม่ได้.พฤติการณ์ก็เป็นที่เห็นได้ว่าโจทก์มิได้จงใจขัดขืนไม่ชำระค่าขึ้นศาลเพิ่มตามที่ศาลสั่ง ยังถือไม่ได้ว่าโจทก์ทิ้งฟ้องโดยเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลเห็นสมควรกำหนด ไม่ควรที่ศาลจะด่วนสั่งจำหน่ายคดี
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของมีสิทธิครอบครองที่ดิน ๑ แปลงซึ่งรับมรดกจากมารดา จำเลยได้นำที่ดินดังกล่าวขึ้นทะเบียนเป็นที่ดินราชพัสดุ และขอออกโฉนด ขอให้พิพากษาว่า โจทก์เป็นเจ้าของมีสิทธิครอบครอง ห้ามจำเลยโต้แย้งสิทธิ
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่าที่พิพาทเป็นที่หวงห้ามไว้ใช้เพื่อประโยชน์แก่ราชการ อันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน และได้ขึ้นทะเบียนบัญชีราชพัสดุไว้ ขอให้ยกฟ้องและพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นที่หลวงหวงห้ามและที่ราชพัสดุ ให้ขับไล่โจทก์ ห้ามเกี่ยวข้องต่อไป
โจทก์ให้การปฏิเสธฟ้องแย้ง
วันนัดชี้สองสถาน ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยต่อสู้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทเป็นคดีมีทุนทรัพย์ คู่ความตกลงตีราคาที่พิพาท ๒๐,๐๐๐บาท ศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์นำเงินค่าขึ้นศาลเพิ่มมาชำระก่อนวันที่๘ มีนาคม ๒๕๐๙ และนัดสืบพยานในวันดังกล่าวนั้น เวลา ๘.๓๐ นาฬิกา
ต่อมาวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๐๙ โจทก์ยื่นคำร้องขอเลื่อนอ้างว่าสำนวนคดีและเอกสารพยานถูกไฟไหม้หมด ไม่มีหลักที่จะใช้ว่าความศาลชั้นต้นจดรายงานว่าคู่ความมาพร้อมจำเลยไม่ขัดข้อง จึงให้เลื่อนไปสืบพยานโจทก์วันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๐๙ เวลา ๘.๓๐ นาฬิกา
วันที่ ๔ เมษายน ๒๕๐๙ ศาลชั้นต้นจดรายงานว่า คู่ความมาพร้อมกันแถลงว่ามีทางตกลงกัน ตกลงเลื่อนไปนัดพร้อมเพื่อทำสัญญาประนีประนอมยอมความในวันที่ ๒๖ เดือนนั้น เวลา ๘.๓๐ นาฬิกา
ถึงวันนัดพร้อม คู่ความแถลงว่าไม่มีทางตกลงกัน ศาลชั้นต้นตรวจสำนวนพบว่าโจทก์และจำเลยในฐานะโจทก์ฟ้องแย้งมิได้นำเงินค่าขึ้นศาลเพิ่มมาชำระตามที่ศาลสั่งล่วงเลยเวลามาแล้ว ถือว่าคู่ความเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลกำหนดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๗๔(๒) จึงให้จำหน่ายคดี
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน แต่มีความเห็นแย้งว่า ตามพฤติการณ์ที่ปรากฏยังไม่อาจถือได้ว่าโจทก์จงใจขัดขืนคำสั่งศาล ควรพิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เดิมโจทก์จำเลยได้เสียค่าธรรมเนียมครบถ้วนแล้ว แต่มาชั้นหลังจำเลยต่อสู้กรรมสิทธิ์และฟ้องแย้งเรียกกรรมสิทธิ์ คดีจึงกลายเป็นคดีมีทุนทรัพย์ ซึ่งคู่ความจะต้องนำเงินค่าธรรมเนียมที่เพิ่มมาชำระก่อนวันที่ ๘ มีนาคม ๒๕๐๙ ก็จริงอยู่แต่ครั้นต่อมาโจทก์ได้ขอเลื่อนโดยมีเหตุสมควร และศาลได้สั่งเลื่อนคดีไป ซึ่งเลยวันที่กำหนด ให้โจทก์นำเงินค่าธรรมเนียมที่เพิ่มมาชำระเสียแล้วและยังมีการเลื่อนคดีอีกครั้งหนึ่งเพื่อปรองดองกันเป็นที่เห็นได้โดยชัดแจ้งว่า คดีได้เลื่อนมาโดยคู่ความต่างคิดว่าคดีอาจมีทางปรองดองตกลงกันได้ การดำเนินคดีต่อ ๆ มา ยังถือไม่ได้ว่าโจทก์หรือจำเลยได้จงใจขัดขืนไม่ชำระค่าธรรมเนียมเพิ่มดังที่ศาลล่างวินิจฉัย
พิพากษากลับให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้โจทก์จำเลยนำค่าธรรมเนียมที่ต้องเสียเพิ่มมาชำระภายใน ๑๕ วัน และให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาพิพากษาใหม่ต่อไปตามรูปคดี