คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2970/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ปัญหาว่าโจทก์ได้ยื่นฟ้องต่อศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาหรือไม่นั้นแม้จำเลยจะมิได้ยื่นคำให้การต่อสู้คดีไว้ แต่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยศาลฎีกาวินิจฉัยให้
บ้านที่จังหวัดสระบุรีซึ่งเป็นที่อยู่ของจำเลยตามฟ้องนั้น บุตรและภริยาจำเลยอาศัยอยู่ และยังคงใช้ชื่อยี่ห้อบ้านหลังดังกล่าวเป็นยี่ห้อร้านของจำเลย จำเลยไปมาระหว่างกรุงเทพมหานครกับบ้านหลังนี้ แสดงว่าบ้านที่อยู่ของจำเลยตามฟ้องเป็นภูมิลำเนาอีกแห่งหนึ่งของจำเลย โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องต่อศาลจังหวัดสระบุรีได้ และการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องยังบ้านที่อยู่ของจำเลยตามฟ้องก็ถือได้ว่าได้ส่งยังภูมิลำเนาของจำเลยแล้ว.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขอเปิดบัญชีกระแสรายวันกับธนาคารโจทก์โดยจำเลยได้ตกลงกับโจทก์ว่า หากจำเลยสั่งจ่ายเงินเกินกว่าจำนวนเงินที่มีในบัญชีกระแสรายวันของจำเลย ก็ให้โจทก์จ่ายเงินไปได้ โดยยอมให้โจทก์คิดดอกเบี้ยในเงินที่จ่ายไปได้ตามประเพณีของธนาคาร ต่อมาจำเลยได้สั่งจ่ายเงินเกินกว่าบัญชีของจำเลย และโจทก์ได้จ่ายเงินไปแล้วแต่จำเลยไม่นำเงินเข้าบัญชีเพื่อชำระหนี้ให้โจทก์คิดถึงวันฟ้องจำเลยเป็นหนี้เบิกเงิน เกินบัญชีโจทก์อยู่ ๑๐๘,๓๙๙.๒๕ บาทจึงขอให้บังคับจำเลยชำระเงินดังกล่าว พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน ๖๓,๖๕๒.๖๒ บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยรับผิดในอัตราดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นอกจากที่แก้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าคงมีปัญหาในชั้นนี้ว่าโจทก์ได้ยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาหรือไม่และจำเลยต้องรับผิดในจำนวนเงินที่จำเลยเบิกเงินเกินบัญชีจากโจทก์หรือไม่ สำหรับปัญหาที่ว่าโจทก์ได้ยื่นฟ้องต่อศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาหรือไม่นั้น แม้จำเลยจะมิได้ยื่นคำให้การต่อสู้คดีไว้แต่เห็นว่าเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยจึงวินิจฉัยให้คงได้ความว่าบ้านเลขที่ ๙๕๔ ถนนหน้าวัด ตำบลเก่งคอย อำเภอเก่งคอย จังหวัดสระบุรีซึ่งเป็นที่อยู่ของจำเลยตามฟ้องนั้น จำเลยรับว่าบุตรและภรรยาจำเลยอาศัยอยู่และยังคงใช้ชื่อยี่ห้อบ้านเลขที่ดังกล่าวว่ายี่ห้อง่วนเชียง ซึ่งเป็นยี่ห้อร้านของจำเลย จำเลยยังคงไปมาระหว่างกรุงเทพมหานครกับบ้านหลังนี้ ตามพฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าบ้านที่อยู่ของจำเลยตามฟ้องเป็นภูมิลำเนาอีกแห่งหนึ่งของจำเลย โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องต่อศาลจังหวัดสระบุรีได้ และการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องยังบ้านที่อยู่ของจำเลยตามฟ้องก็ถือได้ว่าได้ส่งภูมิลำเนาของจำเลยแล้ว ส่วนปัญหาที่ว่าจำเลยจะต้องรับผิดในจำนวนเงินที่จำเลยเบิกเงินเกินบัญชีหรือไม่นั้น จำเลยรับว่าจำเลยได้ลงชื่อสั่งจ่ายเช็คธนาคารโจทก์ตามเอกสารหมาย จ.๓ก. ถึง จ.๑๐ รวม ๘ ฉบับจริงและจำเลยได้ลงชื่อเป็นผู้ขอเปิดบัญชีตามเอกสารหมายจ.๓ จริงซึ่งตามเอกสารหมาย จ.๓ ดังกล่าวเป็นหนังสือขอเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันต่อธนาคารโจทก์เอกสารดังกล่าวลงวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๑๗ ซึ่งนับแต่วันดังกล่าวจำเลยได้ฝากและถอนเงินกับโจทก์เรื่อยมา ปรากฏตามเอกสารหมาย จ.๑๑ รวม ๑๒ แผ่นตามรายการฝากและถอนดังกล่าว เป็นสัญญาบัญชีเดินสะพัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๘๕๖ ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ๑๕ ต่อปีจำเลยจึงต้องรับผิดในจำนวนเงินที่เบิกเกินบัญชีพร้อมด้วยดอกเบี้ยทบต้นเป็นรายเดือน จนกว่าจะมีการเลิกสัญญาต่อกันคือวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๒๒
พิพากษายืน.

Share