คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1803/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญาประกันคุ้มครองอุบัติเหตุมีข้อยกเว้นความรับผิดของผู้รับประกันภัยไว้ว่า จะไม่รับผิดชอบชดใช้ค่าทดแทนใด ๆ ถ้าหากผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตด้วยสาเหตุการถูกฆาตกรรม ดังนี้ หากผู้เอาประกันภัยเสียชีวิต โดยมีพฤติการณ์แสดงว่าถูกคนร้ายฆ่าตายโดยเจตนา ถือได้ว่าการตายของผู้เอาประกันภัยเกิดจากการฆาตกรรมผู้รับประกันภัยจึงไม่ต้องรับผิด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นางชั้งลั้งทำสัญญาประกันคุ้มครองอุบัติเหตุไว้กับจำเลย จำนวนเงิน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท เมื่อวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๒๖ นางชั้นลั้งถูกคนร้ายปล้นชิงทรัพย์และทำร้ายด้วยอาวุธปืนถึงแก่ความตาย เป็นการตายโดยอุบัติเหตุที่ได้รับความคุ้มครอง ขอบังคับให้จำเลยชดใช้เงินให้โจทก์ผู้รับประโยชน์ตามสัญญาพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า การตายของนางชั้งลั้งไม่ใช่อุบัติเหตุแต่เป็นฆาตกรรม จำเลยจึงไม่ต้องรับผิด ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชดใช้เงิน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ที่ ๒ ถึงที่ ๕ ยกฟ้องโจทก์ที่ ๑
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามสัญญาประกันคุ้มครองอุบัติเหตุที่นางชั้งลั้งทำไว้กับจำเลยมีข้อยกเว้นความรับผิดของผู้รับประกันภัยไว้ว่า บริษัทจะไม่รับผิดชอบชดใช้ค่าทดแทนใด ๆ ถ้าหากผู้เอาประกันภัยได้รับบาดเจ็บ ทุพพลภาพหรือเสียชีวิตด้วยสาเหตุโดยตรงหรือโดยปริยายดังนี้
“……….ฯลฯ………… ๘. การถูกฆาตกรรม และการถูกลอบทำร้ายร่างกาย ”
โจทก์ฟ้องกล่าวอ้างว่า นางชั้นลั้งตายเพราะอุบัติเหตุถูกคนร้ายปล้นชิงทรัพย์และทำร้ายด้วยอาวุธปืน จำเลยให้การปฏิเสธต่อสู้ว่านางชั้งลั้งถูกฆาตกรรม ดังนั้นข้อที่จะต้องวินิจฉัยมีว่า นางชั้งลั้งถูกคนร้ายปล้นทรัพย์และทำร้ายด้วยอาวุธปืนถึงแก่ความตาย หรือถูกฆาตกรรม
ปรากฏในรายงานประจำวันคดีตามเอกสารหมาย จ.๖ ว่า ” จารการตรวจสถานที่เกิดเหตุ การสืบสวนเบื้องต้นได้ความว่า ผู้ตายกลับจากทำธุระที่จังหวัดสุรินทร์เดินทางกลับบ้านพักที่บ้านท่าศิลา ตำบลเมืองแก อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ ได้มีคนร้ายใช้รถปิคอัพสีฟ้าไม่ทราบหมายเลขทะเบียนและยี่ห้อติดตามมาถึงระหว่าง กม.๓๑ – ๓๒ คนร้ายได้เข้าประกบใช้อาวุธปืนยิงใส่รถผู้ตายตกถนน รถคนร้ายหยุด ได้มีคนร้ายลงจากรถใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตายแล้วได้ขึ้นขับรถผู้ตายนำรถและศพออกไปซ่อนในป่า……..” ในรายงานประจำวันคดีดังกล่าวไม่ปรากฏข้อความตอนใดที่แสดงให้เห็นว่านางชั้งลั้งถูกคนร้ายปล้นทรัพย์ ทั้งในเรื่องเงิน ๓๐๐,๐๐๐ บาทที่โจทก์นำสืบว่านางชั้งลั้งเบิกมาจากธนาคารและถูกคนร้ายปล้นเอาไปก็ไม่ปรากฏในรายงานประจำวันคดีดังกล่าวเลยแม้แต่น้อยนอกจากนั้นในใบพิสูจน์มรณกรรมซึ่งทำเมื่อวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๒๖ อันเป็นวันรุ่งขึ้นจากวันเกิดเหตุตามเอกสารหมาย ล.๓, ล.๔ ก็ระบุถึงสาเหตุแห่งมรณกรรมไว้ว่า “ถูกคนร้ายยิงด้วยอาวุธปืน” ตามเอกสารทั้งสามฉบับดังกล่าวมาแล้วไม่มีข้อความใด ๆ ที่แสดงให้เห็นว่า นางชั้งลั้งถูกคนร้ายปล้นทรัพย์ข้อความที่ว่านางชั้งลั้งถูกปล้นทรัพย์และถูกทำร้ายถึงแก่ความตายเพิ่งจะปรากฏในหนังสือของผู้รับมอบอำนาจโจทก์เมื่อวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๒๖ ดังปรากฏตามเอกสารหมาย จ.๗ หากจะพิเคราะห์ถึงข้อเท็จจริงที่ได้จากการสืบสวนเบื้องต้นดังที่ปรากฏในเอกสารหมาย จ.๖ และคำนึงถึงเหตุผลแล้วก็จะเห็นได้ว่าหากเป็นกรณีที่นางชั้งลั้งถูกคนร้ายปล้นทรัพย์ เมื่อคนร้ายยิงนางชั้งลั้งกับคนขับรถตายและได้ทรัพย์สินไปแล้ว คนร้ายก็น่าจะต้องรีบหลบหนีไป แต่ก็หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ กลับปรากฏว่าคนร้ายได้ขับรถของนางชั้งลั้งนำศพไปซ่อนในป่าเสียก่อนแล้วจึงได้หลบหนีไป ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่านางชั้งลั้งถูกคนร้ายปล้นทรัพย์และถูกทำร้ายจนถึงแก่ความตายพฤติการณ์ตามที่ปรากฏในรายงานประจำวันคดีและในใบพิสูจน์มรณกรรมตามเอกสารหมาย จ.๖ และ ล.๓ , ล.๔ กลับแสดงว่า นางชั้งลั้งถูกคนร้ายฆ่าตายโดยเจตนาการตายของนางชั้งลั้งจึงเกิดจากการฆาตกรรม จำเลยซึ่งเป็นผู้รับประกันจึงไม่ต้องรับผิดตามข้อยกเว้นความรับผิดข้อ ๘ การที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยรับผิดจึงไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น
พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์.

Share