คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 292/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

นายจ้างอนุญาตให้ลูกจ้างนำรถกลับบ้านนับได้ว่าเป็นความสะดวกที่นายจ้างพึงให้แก่ลูกจ้าง เมื่อลูกจ้างนำรถนั้นไปจึงเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งของนายจ้างซึ่งเป็นประโยชน์แก่นายจ้างเองอีกด้วย ในเมื่อลูกจ้างจะได้อาศัยรถกลับมาทำงานให้นายจ้างในวันรุ่งขึ้น การที่ลูกจ้างขับรถกลับบ้านแล้วเกิดเหตุ จึงต้องถือว่าอยู่ในกรอบแห่งทางการที่จ้างของนายจ้าง มิใช่เพียงการให้ยืมไปใช้เป็นส่วนตัวของลูกจ้างนายจ้างและผู้รับประกันภัยจากนายจ้างจึงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้ถูกทำละเมิด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นายผ่าน หลานสุดตา ลูกจ้างของจำเลยที่ ๑ ขับขี่รถยนต์บรรทุกไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๑ โดยประมาทชนรถยนต์ของโจทก์ได้รับความเสียหาย โจทก์ทวงถามให้จำเลยที่ ๑ ในฐานะนายจ้าง และจำเลยที่ ๒ ในฐานะผู้รับประกันภัยให้ชำระเงินค่าเสียหายแล้ว จำเลยทั้งสองเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองให้การว่า โจทก์มิใช่เจ้าของรถยนต์คันที่เสียหายนายผ่านมิใช่ลูกจ้างจำเลยที่ ๑ และมิได้ขับรถไปในทางการที่จ้าง เหตุที่รถชนเป็นเพราะความประมาทของผู้ขับขี่รถยนต์โจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงิน ๕๐,๐๐๐ บาทแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงิน ๔๐,๐๐๐ บาทแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่นายจ้างอนุญาตให้ลูกจ้างนำรถกลับบ้านนับได้ว่าเป็นการให้ความสะดวกที่นายจ้างพึงให้แก่ลูกจ้าง เมื่อลูกจ้างนำรถนั้นไปจึงเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งของนายจ้างซึ่งเป็นประโยชน์แก่นายจ้างเองอีกด้วยในเมื่อลูกจ้างกลับมาทำงานให้นายจ้างในวันรุ่งขึ้น การที่นายผ่านขับขี่รถกลับบ้านหลังเกิดเหตุ จึงต้องถือว่าอยู่ในกรอบแห่งทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๑ มิใช่เป็นเพียงการให้ยืมไปใช้เป็นส่วนตัวของนายผ่านดังที่จำเลยทั้งสองฎีกา จำเลยทั้งสองต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นแก่โจทก์
พิพากษายืน.

Share