คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4795/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องโจทก์บรรยายชัดแจ้งว่าโจทก์ได้ทราบว่าจำเลยมีความสัมพันธ์ ทำนองชู้สาวกับภริยาโจทก์ เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2525 และคิดดอกเบี้ย จากเงินค่าสินไหมทดแทนร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 29 มกราคม 2525 จำเลยให้การด้วยว่าคดีโจทก์ขาดอายุความเพราะโจทก์ได้รู้ถึงเรื่องที่อ้างว่าจำเลยล่วงเกินภริยาโจทก์ในทำนองชู้สาวเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2525 แต่โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2526 จึงเป็นการฟ้องเมื่อพ้นกำหนด หนึ่งปีนับแต่วันที่โจทก์รู้ความจริงที่ยกขึ้นอ้าง ศาลชั้นต้นชี้สองสถานและกำหนดประเด็นข้อพิพาทแล้วนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไข คำฟ้องในวันนัดสืบพยานโจทก์ ดังนี้ ศาลชอบที่จะสั่งให้ยกคำร้อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180 เพราะโจทก์ขอแก้ไข ก่อนวันชี้สองสถานได้ และคดีไม่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นสามีนางสมใจ ทองชิด อยู่กินด้วยกันจนมีบุตร ๒ คนประมาณต้นปี พ.ศ. ๒๕๒๔ นางสมใจ ทองชิด ได้มีชู้กับจำเลยโดยมีบุคคลอื่นทราบ แต่โจทก์ไม่ทราบ จนกระทั่งวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๒๕ นางสมใจ ทองชิดได้แจ้งให้โจทก์ทราบว่าได้มีความสัมพันธ์ทำนองชู้สาวกับจำเลยมาตั้งแต่ต้นปี พ.ศ. ๒๕๒๔ และประสงค์จะหย่าร้างกับโจทก์ โจทก์ได้พานางสมใจ ทองชิดไปที่บ้านจำเลยได้เกิดทะเลาะวิวาทกับจำเลย จำเลยได้พานางสมใจ ทองชิดกลับมาที่บ้านโจทก์ โจทก์ตามมาทันเข้าใจว่า จำเลยและนางสมใจ ทองชิดอยู่ด้วยกันในห้อง จึงได้ฆ่านางสมใจ ทองชิด ถึงแก่กรรม จำเลยเป็นชู้กับนางสมใจทองชิด เป็นเหตุให้โจทก์ในฐานะสามีได้รับความเสียหาย จำเลยต้องรับผิดชำระค่าทดแทนให้โจทก์เป็นเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๗ ครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๒๕ ถึงวันฟ้อง โจทก์ขอคิดเป็นเวลา ๑ ปี เป็นเงิน ๗,๕๐๐ บาท ขอให้ศาลบังคับจำเลยชำระค่าทดแทนให้โจทก์ ๑๐๗,๕๐๐ บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากจำนวนเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การต่อสู้หลายประการรวมทั้งให้การด้วยว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความเพราะล่วงพ้นกำหนดเวลาหนึ่งปีแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ชั้นชี้สองสถาน ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทมีว่า จำเลยเป็นชู้กับภริยาโจทก์ อันจะเป็นเหตุให้โจทก์เรียกค่าทดแทนได้หรือไม่เพียงใด ฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ และฟ้องเคลือบคลุมหรือไม่
วันนัดสืบพยานโจทก์ วันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๒๖ ศาลชั้นต้นเห็นว่า คดีพอวินิจฉัยได้แล้วจำต้องสืบพยานอีกต่อไป ให้งดสืบพยานโจทก์จำเลยเสียและนัดฟังคำพิพากษาวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๒๖
ในวันเดียวกันโจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องที่ว่าจนกระทั่ง เมื่อวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๒๕ เป็นว่าจนกระทั่งเมื่อวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๒๕ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าโจทก์ขอแก้ไขฟ้องหลังวันชี้สองสถานและข้อที่แก้ไขไม่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน นอกจากนี้คดีเสร็จการพิจารณาจนศาลนัดฟังคำพิพากษาแล้ว โจทก์จึงขอแก้ไขฟ้องไม่ได้ ไม่อนุญาต ยกคำร้องค่าคำร้องเป็นพับแล้วศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าโจทก์ฟ้องคดีเมื่อพ้นกำหนด ๑ ปี สิทธิฟ้องร้องของโจทก์จึงระงับไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๕๒๙ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นรับคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องของโจทก์แล้วพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์บรรยายชัดแจ้งว่าโจทก์ได้ทราบว่าจำเลยมีความสัมพันธ์ทำนองชู้สาวกับภริยาโจทก์ เมื่อวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๒๕ และคิดดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๒๕ เป็นคนละวันกันอ่านฟ้องแล้วก็เห็นได้โดยง่ายทุกเวลา จำเลยได้ให้การด้วยว่าคดีโจทก์ขาดอายุความเพราะโจทก์ได้รู้ถึงเรื่องที่อ้างว่าจำเลยล่วงเกินนางสมใจในทำนองชู้สาวเมื่อวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๒๕ แต่โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๒๖ จึงเป็นฟ้องเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งปีนับแต่วันที่โจทก์รู้ความจริงที่ยกขึ้นอ้าง โจทก์รับสำเนาคำให้การจำเลยแล้วก็ย่อมทราบว่ามีความผิดพลาดในข้อที่กล่าวอ้างของตนได้ทุกเวลา ที่โจทก์คิดดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๒๕ ก็ไม่ได้บ่งชี้ว่าโจทก์ได้รู้ถึงเรื่องที่ยกขึ้นอ้างในวันนั้น โจทก์มีเวลาอ่านคำฟ้อง คำให้การทราบได้โดยง่ายและขอแก้ไขก่อนวันชี้สองสถานได้ แต่โจทก์ไม่ขอแก้ไข และคดีไม่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลชอบที่จะสั่งให้ยกคำร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๘๐ ศาลอุทธรณ์ให้รับคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องของโจทก์นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share