แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีนี้กับคดีก่อนมีคู่ความเดียวกัน มรดกที่พิพาทรายเดียวกัน คดีมีประเด็นอย่างเดียวกันว่า ในระหว่างโจทก์กับจำเลยใครมีสิทธิรับมรดก คดีก่อนมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว โดยศาลวินิจฉัยว่าพินัยกรรมฉบับที่นำมาฟ้องในคดีก่อนสมบูรณ์ โจทก์คดีก่อนมีสิทธิรับมรดกตามพินัยกรรมแต่ผู้เดียว โจทก์คดีนี้ซึ่งเป็นจำเลยในคดีก่อนกลับนำมาฟ้องโจทก์คดีก่อนเป็นจำเลยคดีนี้เรียกเอามรดกรายเดียวกันอีกโดยอ้างพินัยกรรมฉบับใหม่ ดังนี้ แม้เหตุที่อ้างในคดีนี้จะต่างกับคดีก่อนโดยอ้างว่ามีพินัยกรรมฉบับใหม่ก็ตาม แต่พินัยกรรมฉบับหลังนี้ก็มีอยู่แล้วก่อนพิพาทกันในคดีก่อน โจทก์คดีนี้ชอบที่จะยกเป็นข้อต่อสู้ในคดีก่อนได้ แต่ก็หาได้ยกขึ้นต่อสู้ไม่ เมื่อแพ้คดีแล้วจะกลับมาอ้างเหตุที่ตนมิได้ยกขึ้นต่อสู้ในคดีก่อนมารื้อร้องฟ้องกันอีกฟ้องโจทก์จึงเป็นฟ้องซ้ำต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นบุตรและเป็นผู้รับมรดกของนางพรผู้ตาย ตามพินัยกรรมฉบับลงวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๑๘ เมื่อวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๒๐ จำเลยเคยฟ้องโจทก์อ้างว่าตนได้รับทรัพย์มรดกตามพินัยกรรมของผู้ตายฉบับลงวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๐๗ และเรียกทรัพย์มรดกคืนจากโจทก์ คดีถึงที่สุดศาลพิพากษาให้โจทก์แพ้ ทั้งนี้เพราะโจทก์มิได้ยกพินัยกรรมมาฉบับท้ายฟ้องคดีนี้ขึ้นต่อสู้ โจทก์เห็นว่าพินัยกรรมฉบับ ลงวันที่๒๕ กันยายน ๒๕๐๗ ได้ถูกเพิกถอนโดยพินัยกรรมฉบับลงวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๑๘ แล้วจำเลยจึงไม่มีสิทธิรับมรดก ขอให้เพิกถอนพินัยกรรมฉบับลงวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๐๗ ของเจ้ามรดกและห้ามจำเลยกับบริวารยุ่งเกี่ยวกับมรดกดังกล่าว
จำเลยให้การว่าพินัยกรรมฉบับท้ายฟ้องปลอม ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำกับคดีก่อนขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นงดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้ววินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้กับคดีก่อนดังกล่าวมีคู่ความเดียวกัน มรดกที่พิพาทรายเดียวกัน ซึ่งทั้งสองคดีก็มีประเด็นอย่างเดียวกันว่า ในระหว่างโจทก์กับจำเลยใครมีสิทธิรับมรดก สำหรับคดีก่อนมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว โดยศาลวินิจฉัยว่า พินัยกรรมฉบับลงวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๐๗ ของโจทก์คดีก่อนสมบูรณ์ โจทก์คดีก่อนมีสิทธิรับมรดกตามพินัยกรรมแต่ผู้เดียว โจทก์คดีนี้ซึ่งเป็นจำเลยคดีก่อนกลับนำคดีมาฟ้องโจทก์คดีก่อนเป็นจำเลยคดีนี้เรียกร้องเอามรดกอีกโดยอ้างพินัยกรรมฉบับใหม่ ลงวันที่ ๗ มิถุนายน๒๕๑๘ ดังนี้ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า แม้เหตุที่อ้างในคดีนี้จะต่างกับคดีก่อนโดยอ้างว่ามีพินัยกรรมฉบับใหม่ก็ตาม แต่พินัยกรรมฉบับหลังนี้ก็มีอยู่แล้วก่อนพิพาทกันในคดีแรกซึ่งโจทก์คดีนี้ก็เป็นจำเลยในคดีก่อนชอบที่จะยกเป็นข้อต่อสู้ในคดีก่อนได้ แต่ก็หาได้ยกขึ้นต่อสู้ไม่ เมื่อแพ้คดีแล้วจะกลับมาอ้างเหตุที่ตนมิได้ยกขึ้นต่อสู้ในคดีก่อนมารื้อร้องฟ้องกันอีก ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องที่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๑๔๘ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้ยกฟ้องโจทก์ชอบแล้ว
พิพากษายืน