คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2631/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 96 วรรคสอง การคัดค้านการบังคับคดีต้องกระทำก่อนการบังคับคดีได้เสร็จลง แต่ต้องไม่ช้ากว่าแปดวันนับแต่วันทำาการฝ่าฝืนนั้น แม้โจทก์จะอ้างว่าเป็นเจ้าของและผู้ครองครองที่ดินที่มีการบังคับขายทอดตลาดก็ตาม เมื่อโจทก์มิได้ยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาลก่อนการบังคับคดีได้เสร็จลง ทั้งไม่เคยใช้สิทธิร้องขัดทรัพย์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 ด้วย โจทก์ก็ไม่มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เนื่องในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๓๔๔-๓๔๙/๒๕๑๕ ของศาลชั้นต้น จำเลยที่ ๑ เป็นทนายโจทก์ จำเลยที่ ๒ เป็นโจทก์ จำเลยที่ ๓ เป็นเจ้าพนักงานบังคับคดี ได้ร่วมกันกระทำการโดยมิชอบและไม่สุจริต กล่าวคือ เมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๒๑ จำเลยที่ ๓ ได้ยึดที่ดินโฉนดที่ ๗๗๘๘ ของโจทก์มาขายทอดตลาดตามคำสั่งศาล เพทุบายให้จำเลยที่ ๑ ซื้อในราคาถูก โดยจำเลยมิได้ปิดประกาศโฆษณาการขายทอดตลาดเป็นต้น การขายทอดตลาดจึงเป็นไปโดยมิชอบ ขอให้ศาลเพิกถอนการขายทอดตลาด
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๙๖ วรรคสองบัญญัติว่า “ถ้าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการบังคับฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งลักษณะนี้ เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ลูกหนี้ตามคำพิพากษาหรือบุคคลอื่นที่มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีซึ่งต้องเสียหายโดยการฝ่าฝืนนั้นแล้วแต่กรณี อาจยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องต่อศาลไม่ว่าเวลาใดๆ ก่อนการบังคับคดีได้เสร็จลง แต่ต้องไม่ช้ากว่าแปดวันนับแต่ทราบการฝ่าฝืนนั้น ขอให้ศาลมีคำสั่งยกระบวนวิธีการบังคับคดีทั้งปวงหรือวิธีการบังคับใดๆ โดยเฉพาะ หรือขอให้ศาลมีคำสั่งกำหนดวิธีการอย่างใดๆ แก่เจ้าพนักงานบังคับคดีตามที่เห็นสมควร..” คดีนี้ ได้ความตามฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของและผู้ครอบครองที่ดินโฉนดเลขที่ ๗๗๘๘ ตำบลโพธิกลาง อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งได้ขายทอดตลาดไปตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๒๑ ทั้งโจทก์ไม่เคยใช้สิทธิร้องขัดทรัพย์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๘๘ จึงไม่มีอำนาจมาฟ้องขอให้เพิกถอนได้ตามกฎหมาย ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share