คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2274/2521

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องอ้างว่าโจทก์เป็นเจ้าของทรัพย์สินและสิทธิทั้งหลายร่วมกับนายจิตติ สามี และร่วมกับสามีเป็นผู้ทรงเช็ค 2 ฉบับตามฟ้อง เมื่อสามีตายโจทก์ยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของสามีต่อศาล ตามคำฟ้องของโจทก์ดังกล่าวย่อมเป็นที่เข้าใจได้ว่า โจทก์ฟ้องเรียกเงินในฐานะที่โจทก์มีส่วนแบ่งในทรัพย์สินระหว่างโจทก์กับสามี เนื่องจากการตายของสามีประการหนึ่ง และในฐานะคู่สมรสซึ่งโจทก์เป็นทายาทโดยธรรมในการรับมรดกส่วนของสามีอีกประการหนึ่ง เมื่อหนี้เงินตามเข็คเป็นทรัพย์สินที่โจทก์มีสิทธิได้รับส่วนแบ่งในฐานะภริยาและเป็นมรดกตกทอดแก่โจทก์ซึ่งเป็นทายาทดังนี้ โจทก์ย่อมเป็นผู้ทรงเช็คตามฟ้องโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว
จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้ว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงเช็คชอบด้วยกฎหมาย การที่จำเลยอุทธรณ์ว่าโจทก์ไม่ได้ฟ้องคดีในฐานะทายาทหรือผู้จัดการมรดกของนางจิตติสามีโจทก์ก็เท่ากันโต้เถียงว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงเช็คชอบด้วยกฎหมายนั่นเอง จึงถือได้ว่าประเด็นเรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์ตามที่จำเลยอุทธรณ์ได้ว่ากันมาแล้วแต่ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ย่อมต้องวินิจฉัยให้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของนายจิตติ ธีระธานีและอยู่กินฉันสามีภริยาตลอดมาจนสามีถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๑๘ โจทก์จึงเป็นเจ้าของทรัพย์-สินและสิทธิทั้งหลายร่วมกับสามี โจทก์ได้ยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของสามีต่อศาลแพ่งตามคดีหมายเลขดำที่ ๑๐๓๙๕/๒๕๑๘ ก่อนสามีโจทก์วายชนม์ โจทก์กับสามีร่วมกันเป็นผู้ทรงเช็คธนาคารศรีนคร จำกัด สาขาสมุทรปราการ โดยชอบด้วยกฎหมาย ๒ ฉบับ ลงวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๑๘ จำนวนเงิน ๕๐,๐๐๐ บาท ลงวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๘ จำนวนเงิน ๔๑,๖๐๐ บาท เช็คทั้งสองฉบับจำเลยที่ ๑ ลงชื่อเป็นผู้สั่งจ่าย จำเลยที่ ๒ ลงชื่อสลักหลังตามสำเนาเช็คท้ายฟ้องหมาย ๑,๒ เมื่อถึงเวลาที่ระบุในเช็คสามีโจทก์นำเช็คทั้งสองฉบับเข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บเงินตามเช็ค แต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันและแทนกันใช้เงินตามเช็คทั้ง ๒ ฉบับ ๙๑,๖๐๐ บาท พร้อมค่าเสียหายถึงวันฟ้อง ๖,๖๑๐ บาท กับค่าเสียหายเท่ากับดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีต่อไปจนกว่าจำเลยจะชำระเงินโจทก์ครบถ้วน
จำเลยทั้งสองให้การว่า โจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงเช็คชอบด้วยกฎหมาย ผู้ทรงเช็คชอบด้วยกฎหมายคือนายจิตติ ธีระธานี ซึ่งเป็นคู่สัญญากับจำเลยทั้งสองในการโอนสิทธิการเช่าตามเอกสารท้ายคำให้การหมาย ๑ เช็คตามฟ้องทั้ง ๒ ฉบับ สั่งจ่ายให้นายจิตติ และเป็นเช็คขีดคร่อมเข้าบัญชี จำเลยทั้งสองมีคำสั่งให้ธนาคารตามเช็คระงับการจ่ายเงินเนื่องจากนายจิตติผิดสัญญาไม่ส่งมอบตึกแถวพิพาทให้จำเลยทั้งสองตามสัญญาและทำความเสียหายต่อตัวตึกแถวทั้งหกคูหา จำเลยทั้งสองใช้สิทธิโดยสุจริตระงับการจ่ายเงินตามเช็ค จำเลยทั้งสองไม่ต้องรับผิดชำระเงินตามเช็คและดอกเบี้ย
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงินให้โจทก์ ๙๑,๖๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะโจทก์มิได้ฟ้องคดีในฐานะทายาทหรือผู้จัดการมรดกของนายจิตติ เมื่อนายจิตติผิดสัญญาไม่ส่งมอบตึกแถวทั้ง ๖ คูหาให้จำเลย จำเลยทั้งสองจึงไม่ต้องรับผิดใช้เงินตามเช็ค
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสองไม่ได้ให้การต่อสู้ว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะโจทก์ไม่ได้ฟ้องคดีในฐานะทายาทหรือผู้จัดการมรดกของนายจิตติ แม้ศาลชั้นต้นจะได้ยกเหตุดังกล่าวขึ้นมาวินิจฉัยว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องก็ไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา ถือว่าข้ออุทธรณ์เกี่ยวกับอำนาจฟ้องไม่ได้ว่ากันมาแต่ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัย นายจิตติมิได้ทำผิดสัญญา พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์เป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของนายจิตติ นายจิตติทำหนังสือสัญญาโอนสิทธิการเช่าตึกแถว ๖ คูหา ของนายจิตติให้แก่จำเลยที่ ๑ เป็นเงินค่าโอน ๖๐๐,๐๐๐ บาท จำเลยที่ ๑ วางมัดจำไว้ ๓๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลือ ๕๗๐,๐๐๐ บาท จำเลยที่ ๑ สั่งจ่ายเช็คลงวันที่ล่วงหน้าให้นายจิตติไว้รวม ๗ ฉบับ รวมทั้งเช็คขีดคร่อม ๒ ฉบับตามฟ้องด้วย ซึ่งจำเลยที่ ๒ ลงชื่อสลักหลังเช็คทั้ง ๒ ฉบับนั้น เช็คทุกฉบับขึ้นเงินได้เว้นแต่เช็ค ๒ ฉบับตามฟ้องเพราะจำเลยทั้งสองสั่งระงับการจ่ายเงิน นายจิตติถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๑๘ โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกนายจิตติตามคำสั่งศาลเมื่อวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๙
วินิจฉัยว่า ในปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองให้การต่อสู้ว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงเช็คชอบด้วยกฎหมาย การที่จำเลยอุทธรณ์ว่าโจทก์ไม่ได้ฟ้องคดีในฐานะทายาทหรือผู้จัดการมรดกของนายจิตติ ก็เท่ากับโต้เถียงว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงเช็คชอบด้วยกฎหมายนั่นเอง หาใช่เป็นข้อที่จำเลยมิได้ว่ากันมาแต่ศาลชั้นต้นดังที่ศาลอุทธรณ์เข้าใจไม่ ที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องจึงไม่ชอบด้วยการพิจารณา ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยปัญหาข้อนี้ไปเลยโดยไม่ต้องย้อนสำนวน
โจทก์ฟ้องอ้างว่าโจทก์เป็นเจ้าของทรัพย์สินและสิทธิทั้งหลายร่วมกันนายจิตติสามี และร่วมกับสามีเป็นผู้ทรงเช็ค ๒ ฉบับตามฟ้อง เมื่อสามีตายโจทก์ยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของสามีต่อศาล ตามคำฟ้องของโจทก์ดังกล่าวย่อมเป็นที่เข้าใจได้ว่า โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามเช็คในฐานะที่โจทก์มีส่วนแบ่งในทรัพย์สินระหว่างโจทก์กับสามีเนื่องจากการตายของสามีประการหนึ่ง และในฐานะคู่สมรสซึ่งโจทก์เป็นทายาทโดยธรรมในการรับมรดกส่วนของสามีอีกประการหนึ่ง และในฐานะคู่สมรสซึ่งโจทก์เป็นทายาทโดยธรรมในการรับมรดกส่วนของสามีอีกประการหนึ่ง เมื่อหนี้เงินตามเช็คเป็นทรัพย์สินที่โจทก์มีสิทธิได้รับส่วนแบ่งในฐานะภริยาและเป็นมรดกตกทอดแก่โจทก์ซึ่งเป็นทายาทดังนี้ โจทก์ย่อมเป็นผู้ทรงเช็คตามฟ้องโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว หาใช่โจทก์มิใช่ผู้ทรงเช็คโดยชอบดังข้อฎีกาของจำเลยไม่
่พิพากษายืน.

Share