แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยทั้งสามร่วมคบคิดกันมาก่อนที่จะลักทรัพย์ในบ้านผู้เสียหาย ได้ว่าจ้างรถยนต์แท๊กซี่ไปด้วยกัน เมื่อถึงสถานที่ที่จะลงมือลักทรัพย์ก็แบ่งหน้าที่กัน โดยจำเลยที่ 1 เข้าไปในบ้านผู้เสียหาย จำเลยที่ 2 ที่ 3 คอยอยู่ในรถใกล้ ๆ บ้ายผู้เสียหาย จำเลยที่ 3 นั่งคู่กับคนขับ บอกให้เลื่อนรถไปข้างหน้าอีก 1 ช่วงเสาไฟฟ้า ในลักษณะคุมคนขับให้คอบรับจำเลยที่ 1 กับทรัพย์ที่ลักมา เมื่อจำเลยที่ 1 ลักทรัพย์มาได้แล้วก็ขึ้นรถและจำเลยที่ 3 บอกให้ขับรถหนีไป ถือได้ว่าจำเลยทั้งสามได้ร่วมกันลักทรัพย์รายนี้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามร่วมกันปีนหน้าต่างเข้าไปในบ้าน แล้วลักเอาวิทยุสเตอริโอ ๑ เครื่อง ของนายคอย อิ่มอ่ำ ไปโดยทุจริต ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๕,๘๓
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่ามีความผิดตามฟ้อง จำคุกคนละ ๓ ปี ลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุกไว้คนละ ๒ ปี
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยที่ ๑ ไม่มีเจตนาลักทรัพย์ พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ในปัญหาที่ว่า จำเลยมีเจตนาทุจริตหรือไม่ ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ ๑ นำเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปโดยมีเจตนาทุจริต และวินิจฉัยพฤติการณ์ของจำเลยทั้งสามว่า ตามที่โจทก์นำสืบมา เชื่อว่าจำเลยทั้งสามร่วมคบคิดกันมาก่อนที่จะลักทรัพย์รายนี้ โดยว่าจ้างรถยนต์แท๊กซี่ไปด้วยกัน เมื่อถึงสถานที่ที่จะลงมือลักทรัพย์ก็แบ่งหน้าที่กัน โดยจำเลยที่ ๑ เข้าไปในบ้ายผู้เสียหาย และเอาทรัพย์ของผู้เสียหายมา เพราะเป็นคนอยู่ในบ้านผู้เสียหาย ส่วนจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ คอยอยู่ในรถยนต์ใกล้ ๆ บ้านผู้เสียหาย จำเลยที่ ๓ นั่งคู่กับนายทองเติมคนขับรถบอกให้เลื่อนรถไปข้างหน้าอีก ๑ ช่วงเสาไฟฟ้าในลักษณะคุมคนขับรถยนต์ให้คอยรับจำเลยที่ ๑ กับทรัพย์ที่ลักมาแล้วพาหนีไป จึงถือได้ว่าจำเลยทั้งสามได้ร่วมกันลักทรัพย์รายนี้
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น