คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3855/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ป้ายของโรงเรียนเอกชนตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชนหมายถึงป้ายแสดงชื่อโรงเรียนที่เป็นอักษรไทยเท่านั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า จำเลยได้ตั้งโรงเรียนเอกชนชื่อโรงเรียนศูนย์อบรมคอมพิวเตอร์ธุรกิจร้อยเอ็ดและเป็นเจ้าของผู้ครอบครองป้าย ขนาดกว้าง ๘๐ เซนติเมตร ยาว ๘๐ เซนติเมตร จำนวน ๘ ป้าย มีรูปภาพคอมพิวเตอร์และคนนั่ง และมีอักษรภาษาอังกฤษ คำว่า “BCC” อยู่ในป้าย กับป้ายขนาดกว้าง ๕๐๐ เซนติเมตร ยาว ๒๐๐ เซนติเมตร จำนวน ๑ ป้าย โดยมีรูปภาพคอมพิวเตอร์และคนนั่ง และอักษรภาษาอังกฤษคำว่า “BUSSINESS COMPUTER CENTER” อยู่ในป้าย จำเลยได้ติดตั้งป้ายทั้งหมดไว้นอกอาคาร ซึ่งอยู่ในเขตเทศบาลของโจทก์จึงต้องเสียภาษีป้ายตามพระราชบัญญัติภาษีป้าย พ.ศ. ๒๕๑๐ จำเลยติดตั้งป้ายทั้งหมดเมื่อประมาณเดือนมิถุนายน ๒๕๔๐ พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ประเมินภาษีป้ายและเงินเพิ่มตามมาตรา ๒๕ (๑) เนื่องจากจำเลยมิได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้ายสำหรับปี ๒๕๔๐ และ ปี ๒๕๔๑ ถึง ๒๕๔๓ รวมทั้งสี่ปีเป็นเงิน ๒๕,๐๘๐ บาท จำเลยทราบการประเมินแล้วมิได้อุทธรณ์โต้แย้ง กับมิได้ชำระเงินค่าภาษีดังกล่าวแก่โจทก์ จึงต้องรับผิดในเงินเพิ่มอีกอัตราร้อยละ ๒ ต่อเดือนหรือเศษของเดือนคิดเป็นหนึ่งเดือน นับแต่วันที่พ้นกำหนดในใบแจ้งประเมินของค่าภาษีป้ายนั้นจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ คำนวณถึงวันฟ้องเป็นเงินค่าภาษีและเงินเพิ่มรวมทั้งสิ้นจำนวน ๓๔,๙๖๐.๓๐ บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน ๓๔,๙๖๐.๓๐ บาท แก่โจทก์ ให้จำเลยรับผิดในเงินเพิ่มอัตราร้อยละ ๒ ต่อเดือนหรือเศษของเดือนคิดเป็นหนึ่งเดือนในหนี้ค่าภาษีจำนวน ๒๒,๘๐๐ บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า ป้ายพิพาทเป็นป้ายของโรงเรียนและติดตั้งหรือแสดงไว้ ณ อาคารหรือบริเวณของโรงเรียน มีชื่อภาษาไทยของโรงเรียนด้วย ดังนั้น จำเลยจึงไม่ต้องเสียภาษีป้ายตามมาตรา ๘ (๙) แห่งพระราชบัญญัติภาษีป้าย พ.ศ. ๒๕๑๐ นอกจากนี้ป้ายพิพาทมีขนาดไม่เกิน ๕๐ เซนติเมตร ทั้งด้านกว้างและยาว และป้ายใหญ่กว้างไม่เกิน ๑๐๐ เซนติเมตร ยาวไม่เกิน ๒๐๐ เซนติเมตร และป้ายพิพาทมีภาษาไทยปนอยู่ด้วย ไม่ใช่มีเพียงภาษาต่างประเทศและภาพ ดังนั้น การคำนวณค่าภาษีป้ายพิพาทตามฟ้องจึงไม่ถูกต้อง จำเลยไม่เคยได้รับทราบการประเมิน โจทก์จึงคิดเงินเพิ่มตามมาตรา ๒๕ (๓) ไม่ได้ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลย
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยเป็นเจ้าของโรงเรียนศูนย์คอบรมคอมพิวเตอร์ธุรกิจร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นโรงเรียนเอกชนตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ. ๒๕๒๕ ป้ายพิพาทเป็นของโรงเรียนดังกล่าวติดอยู่ที่บริเวณด้านหน้าของโรงเรียน พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ประเมินภาษีป้ายกับเงินเพิ่ม เนื่องจากจำเลยมิได้ยื่นแบบแสดง รายการภาษีป้ายสำหรับปี ๒๕๔๐ จำนวน ๕,๐๑๖ บาท สำหรับปี ๒๕๔๑ ปี ๒๕๔๓ ปีละ ๖,๖๘๘ บาท รวมทั้งสี่ปีเป็นเงิน ๒๕,๐๘๐ บาท ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์มีว่า จำเลยต้องเสียภาษีป้ายสำหรับป้ายพิพาทหรือไม่ เห็นว่า มาตรา ๘ (๙) แห่งพระราชบัญญัติภาษีป้าย พ.ศ. ๒๕๑๐ บัญญัติยกเว้นภาษีป้ายสำหรับป้ายของโรงเรียนเอกชนตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน ดังนั้น การที่จะพิจารณาว่าป้ายใดจะถือเป็นป้ายของโรงเรียนเอกชนหรือไม่ จึงต้องพิจารณาตามที่กฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชนคือพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ. ๒๕๒๕ กำหนดไว้ ซึ่งมาตรา ๔๖ แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวบัญญัติว่า “ให้ผู้รับใบอนุญาตจัดให้มีป้ายแสดงชื่อโรงเรียนเป็นอักษรไทยขนาดใหญ่พอเห็นได้ในระยะอันสมควรติดไว้ที่โรงเรียนหรือบริเวณโรงเรียน ณ ที่ซึ่งเห็นได้ง่าย” ดังนั้น ป้ายของโรงเรียนเอกชนตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชนจึงหมายความถึงป้ายแสดงชื่อโรงเรียนที่เป็นอักษรไทยตามบทบังคับของมาตรา๔๖เท่านั้น ป้ายพิพาทมิใช่ป้ายแสดงชื่อโรงเรียนที่เป็นอักษรไทยตามบทกฎหมายดังกล่าว จึงมิใช่ป้ายของโรงเรียนเอกชนตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๘ (๙) แห่งพระราชบัญญัติภาษีป้าย จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของป้ายมีหน้าที่ต้องเสียภาษีป้าย ตามมาตรา ๗ วรรคหนึ่งแห่งพระราชบัญญัติภาษีป้าย อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น คดียังมีประเด็นข้อพิพาทอื่นที่ศาลภาษีอากรกลางยังมิได้วินิจฉัยและคดีนี้ต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง สมควรให้มีการวินิจฉัยตามลำดับชั้นศาล
พิพากษายกคำพิพากษาศาลภาษีอากรกลาง ให้ศาลภาษีอากรกลางวินิจฉัยประเด็นข้อพิพาทที่ยังมิได้วินิจฉัยแล้วมีคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นนี้ให้ศาลภาษีอากรกลางรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาหรือคำสั่งใหม่

Share