คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6524/2542

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยในความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกพ.ศ. 2522 มาตรา 43 (2) ฐานขับรถขณะเมาสุรา และมาตรา 78 วรรคหนึ่งฐานไม่หยุดให้การช่วยเหลือและแสดงตัวและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ต่ำกว่าอัตราโทษขั้นต่ำที่กฎหมายกำหนด ย่อมเป็นการไม่ชอบ แต่เมื่อศาลล่างทั้งสองพิพากษายืนต้องกันมาให้รอการลงโทษแก่จำเลยกับให้คุมความประพฤติจำเลยไว้ ดังนี้ แต่โจทก์มิได้ฎีกาศาลอุทธรณ์ฎีกามาแต่เฉพาะในปัญหาว่าไม่ควรรอการลงโทษให้แก่จำเลย ดังนี้เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าที่ศาลล่างทั้งสองรอการลงโทษจำคุกโดยคุมความประพฤติจำเลยไว้เป็นการใช้ดุลพินิจที่เหมาะสมแล้ว ศาลฎีกาจึงไม่อาจแก้ไขให้เป็นอย่างอื่นได้ เพราะเป็นการพิพากษาเกินคำขอในฟ้องฎีกาของโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔๓, ๗๘, ๑๓๔, ๑๕๗, ๑๖๐, ๑๖๐ ทวิ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๓, ๘๓, ๙๑, ๓๙๐ และขอให้ริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔๓ (๒) (๔), ๗๘ วรรคแรก, ๑๓๔ วรรคแรก,๑๕๗, ๑๖๐ วรรคแรก และวรรคสาม, ๑๖๐ ทวิ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓,๘๓, ๙๑, ๓๙๐ เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน เรียงกระทงลงโทษฐานร่วมกันแข่งรถจำคุก ๒ เดือน และปรับ ๑๐,๐๐๐ บาท ฐานขับรถขณะเมาสุรา ปรับ ๑,๒๐๐ บาทฐานขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๙๐ ซึ่งเป็นบทหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา๙๐ ปรับ ๑,๐๐๐ บาท ฐานหลบหนีไม่แจ้งเหตุ ปรับ ๑,๒๐๐ บาท รวมจำคุก ๒ เดือนและปรับ ๑๓,๔๐๐ บาท จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้หนึ่งในสี่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุก ๔๕ วัน และปรับ ๑๐,๕๐๐ บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด ๑ ปี ให้คุมความประพฤติจำเลย โดยให้จำเลยรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก ๓ เดือน ต่อครั้ง มีกำหนด ๑ ปี ให้จำเลยทำงานตามที่พนักงานคุมประพฤติเห็นสมควรกำหนดจำนวน ๑๐ ชั่วโมง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๕๖ ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙, ๓๐ริบของกลาง
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ไม่รอการลงโทษ โดยอัยการพิเศษประจำเขต ๑ซึ่งได้รับมอบหมายจากอัยการสูงสุดรับรองให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลอุทธรณ์ภาค ๒ พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา โดยอัยการสูงสุดรับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่ามีเหตุสมควรรอการลงโทษหรือไม่ เห็นว่า ที่ศาลล่างทั้งสองรอการลงโทษจำคุกโดยคุมความประพฤติจำเลยไว้ เป็นการใช้ดุลพินิจที่เหมาะสมแล้ว
อนึ่ง การที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยในความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔๓ (๒) ฐานขับรถขณะเมาสุรา และมาตรา๗๘ วรรคหนึ่ง ฐานไม่หยุดให้การช่วยเหลือและแสดงตัวและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ต่ำกว่าอัตราโทษขั้นต่ำที่กฎหมายกำหนดนั้นเป็นการไม่ชอบ แต่เมื่อโจทก์มิได้ฎีกา ศาลฎีกาจึงไม่อาจแก้ไขให้เป็นอย่างอื่นได้ เพราะจะเป็นการพิพากษาเกินคำขอในฟ้องฎีกาของโจทก์
พิพากษายืน.

Share