คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5133/2542

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญาประกันภัยนั้น ป.พ.พ. มาตรา 867 วรรคแรก กฎหมายมิได้กำหนดแบบแห่งนิติกรรมไว้ เพียงแต่บังคับให้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดหรือตัวแทนเป็นสำคัญ มิฉะนั้นจะฟ้องร้องให้บังคับคดีมิได้สัญญาประกันภัยจึงเกิดขึ้นเมื่อมีการแสดงเจตนาทำคำเสนอคำสนองถูกต้องตรงกัน
ส. ผู้จัดการสาขาของจำเลยมิใช่เป็นตัวแทนผู้มีอำนาจทำสัญญาประกันภัยแทนจำเลย ไม่มีอำนาจรับประกันภัย แต่ ส. ต้องส่งเรื่องไปให้บริษัทจำเลยสำนักงานใหญ่ เพื่อให้บริษัทรับการประกันภัยและคุ้มครองรถ ฝ่ายรับประกันภัยของบริษัทก็มีหน้าที่ตรวจดูเอกสารต่าง ๆ ว่าเข้าเงื่อนไขในการรับประกันภัยหรือไม่ หากถูกต้องก็จะออกกรมธรรม์ประกันภัยให้แก่ผู้เอาประกันภัยต่อไป คำขอเอาประกันภัยรถยนต์เป็นเพียงคำเสนอขอเอาประกันภัยรถยนต์บรรทุกคันพิพาทที่โจทก์เสนอต่อจำเลยเท่านั้น
การที่ ส. ผู้จัดการสาขาจำเลย รับคำขอเอาประกันภัยดังกล่าวไว้จากโจทก์ผู้เอาประกันภัยก็เพียงแต่เพื่อส่งให้แก่บริษัทจำเลย สำนักงานใหญ่ พิจารณาว่าจะรับประกันภัยได้หรือไม่เท่านั้น หากพิจารณาแล้วรับประกันภัยได้ บริษัทจำเลยสำนักงานใหญ่ ก็จะออกกรมธรรม์ประกันภัยให้ผู้เอาประกันภัยต่อไป การที่ ส. รับคำขอเอาประกันภัยของโจทก์ไว้เพื่อส่งให้แก่บริษัทจำเลย สำนักงานใหญ่ จึงมิใช่เป็นคำสนองรับประกันภัยของจำเลย เมื่อคำเสนอดังกล่าว บริษัทจำเลยสำนักงานใหญ่ เพิ่งได้รับเมื่อเวลาหลังจากที่รถยนต์บรรทุกคันพิพาทได้เกิดเหตุไปแล้ว ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยได้มีคำสนองตอบรับประกันภัยรถยนต์บรรทุกคันพิพาทเมื่อใด จึงฟังไม่ได้ว่า ขณะที่รถยนต์บรรทุกคันพิพาทเกิดอุบัติเหตุ จำเลยได้รับประกันภัยรถยนต์คันดังกล่าวไว้แล้ว จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์

Share