คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1746/2494

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยต้องหาว่าลักกระบือเจ้าพนักงานสงสัยว่าจำเลยเอากระบือที่ลักไปขายเสียแล้ว ซื้อสิ่งของอื่นมา จึงจับจำเลยและสิ่งของอื่นนั้นมาเป็นของกลาง นำส่งปลัดอำเภอ ปลัดอำเภอรับตัวจำเลยจากตำรวจพร้อมทั้งของกลางได้ทำบันทึกการยึดและแจ้งให้จำเลยทราบด้วย ดังนี้ ถือได้ว่าได้ยึดสิ่งของที่จับมาเป็นของกลางโดยชอบตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 85 แล้ว เมื่อจำเลยลักเอาสิ่งของที่ถูกยึดนั้นไป ก็ย่อมมีความผิดฐานลักทรัพย์ตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา290

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยลักทรัพย์ของจำเลยซึ่งต้องถูกเจ้าพนักงานยึดไว้เป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๙๐,๒๙๓
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดตามมาตรา ๒๙๐,๒๙๓ ให้จำคุก ๑ ปี ลดตามมาตรา ๕๙ หนึ่งในสาม คงจำคุก ๘ เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่นายประสงค์ปลัดอำเภอผู้รับตัวจำเลยจากตำรวจ ได้ยึดของกลางที่จับได้จากจำเลยไว้ ได้ทำบันทึกการยึดและแจ้งให้จำเลยทราบด้วยนั้น ถือได้ว่าเป็นการยึดโดยชอบด้วยกฎหมายตามป.ม.วิ.อาญามาตรา ๘๕ เพราะสิ่งของที่ต้องยึดนั้น เจ้าพนักงานสงสัยว่า จำเลยเอากระบือที่ลักไป ๆ ขายได้เงินแล้ว ซื้อสิ่งของนั้นๆ มา สิ่งของเหล่านั้นจึงอาจใช้เป็นพยานหลักฐานประกอบการสอบสวนได้ เมื่อนายเงินรับตัวจำเลยและเอาของกลางมา ก็ได้มีการมอบหมายและยังได้เอากุญแจใส่ปี๊บของกลางและเก็บลูกกุญแจไว้ ทั้งยังเอาเชือกผูกและประทับตราครั่งอีกชั้นหนึ่งพฤติการณ์ดังนี้จำเลยควรรู้ดีแล้วว่าเจ้าพนักงานได้ยึดสิ่งของเหล่านั้นไว้ เมื่อจำเลยลักเอาของนั้น ๆ ไป ก็ต้องมีความผิดฐานลักทรัพย์ จึงพิพากษากลับศาลอุทธรณ์ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share