แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
หนี้เงินตามเช็คที่ธนาคารปฏิเสะไม่จ่ายเงินนั้น จะคิดดอกเบี้ยได้ตั้งแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธไม่จ่ายเงินเป็นต้นไป จะคิดดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่ลงในเช็คหาได้ไม่.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ทรบเช็คธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด สาขาถนนสุริวงศ์เงิน ๓๐,๐๐๐ บาท ซึ่งจำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายธนาคารปฏิเสธการใช้เงินเพราะเงินของจำเลยไม่พอจ่าย จึงขอให้บังคับจำเลยใช้เงิน ๓๐,๐๐๐ บาท กับดอกเบี้ยร้อยละ ๗ ๑/๒ ต่อปี ค้างตั้งแต่วันสั่งจ่ายถึงวันฟ้อง ๒,๒๒๕ บาท และดอกเบี้ยตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า เช็คฉบับนี้จำเลยออกให้นายเฮงปัง ๆ คบคิดกันโจทก์ฉ้อฉลจำเลยให้โจทก์มาเรียกเงินตามเช็คโดยไม่สุจริต
ศาลชั้นต้นเห็นว่า พยานจำเลยมีน้ำหนักดีกว่าพยานโจทก์ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า พยานจำเลยไม่สมเหตุผล ไม่สามารถหักล้างสิทธิของโจทก์ผู้ทรงเช็คได้ พิพากษากลับ ให้จำเลยชำระต้นเงินและดอกเบี้ยตามเช็ค ๖๒,๒๒๕ บาท กับดอกเบี้ยร้อยละ ๗ ๑/๒ ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยนำสืบฟังไม่ได้ว่าเช็คนี้ออกให้โดยไม่มีมูลหนี้ และโจทก์ได้รู้เห็นคบคิดกันฉ้อฉล จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์ และที่โจทก์คิดดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่ลงในเช็ค คือ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๐๐ นั้น ได้ความว่าโจทก์เพิ่งนำเช็คไปขึ้นเงินและธนาคารปฏิเสธไม่จ่ายเงินเมื่อวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๐๐ โจทก์ควรได้ดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธไม่จ่ายเงินนี้เป็นต้นไปเท่านั้น
พิพากษาแก้ ให้จำเลยใช้เงิน ๓๐,๐๐๐ บาท กับดอกเบี้ยร้อยละ ๗ ๑/๒ ต่อปี นับแต่วันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๐๐ จนกว่าจะชำระเงินเสร็จ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.