คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 83/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

กรณีที่ศาลสั่งยกคำร้องไม่อนุญาตให้โจทก์ว่าความอย่างคนอนาถา และมีคำสั่ง กำหนดเวลาให้ชำระเงินค่าธรรมเนียมนั้นการกำหนดเวลาหาใช่อาศัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 ไม่แต่เป็นการกระทำเวลาโดยอาศัยอำนาจของศาลที่มีอยู่ทั่วไป ศาลฎีกามีอำนาจกำหนดเวลาให้โจทก์นำค่าธรรมเนียมมาเสียใน ระยะเวลาอันควรได้
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 40/2504)

ย่อยาว

คดีทั้งสองสำนวนนี้ เพิ่งมีการพิจารณารวมกันในชั้นไต่สวนคำร้องโจทก์ขอฎีกาอย่างคนอนาถา โจทก์ฟ้องจำเลยมีใจความในฟ้องเป็นทำนองเดียวกันนายเสรีจำเลยที่ ๑ หลอกลวงฉ้อโกงเอาที่ดินไปแล้วสมยอมกับจำเลยอื่นให้รับโอนไว้ จึงขอให้เพิกถอนการโอนและให้ที่ดิน กลับมาเป็นของโจทก์ตามเดิมศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีทั้งสองสำนวน แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า เฉพาะจำเลยที่ ๑ เท่านั้นต้องรับผิด โจทก์ทั้งสองสำนวนฎีกาขอว่า ความอย่างคนอนาถาในชั้นฎีกา
ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีโจทก์ทั้งสองสำนวนมีเหตุผลสมควรจะฎีกาได้แต่ในกรณที่โจทก์ขอฎีกาอย่างคนอนาถานั้น ปรากฏว่าโจทก์มิใช่คนยากจนจีงขนาดที่จะเสียค่าธรรมเนียมศาลไม่ได้ ให้ยกคำร้อง หากโจทก์ประสงค์จะฎีกาก็ให้ชำระค่าธรรมเนียมภายใน ๑๕ วัน
โจทก์ทั้งสองสำนวนอุทธรณ์คำสั่งขอให้ศาลฎีกาอนุญาตให้โจทก์ฎีกาอย่างคนอนาถาได้
ศาลฎีกาสั่งให้ยกคำร้องของโจทก์
โจทก์ทั้งสองสำนวนยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้น ขอให้กำหนดเวลาวางเงินค่าธรรมเนียม
ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง
โจทก์ทั้งสองสำนวนอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ทั้งสองสำนวนฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่โจทก์ขอให้ศาลฎีกากำหนดเวลาให้โดยอ้างประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๓ นั้น ศาลฎีกาได้ประชุมใหญ่แล้ว ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๓ เป็นเรื่องขยายระยะเวลา ส่วนกรณีที่ศาลสั่งยกคำร้องไม่อนุญาตให้โจทก์ว่าความอย่างคนอนาถา และมีคำสั่ง กำหนดเวลาให้ชำระเงินค่าธรรมเนียมนั้นการกำหนดเวลาหาใช่อาศัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๓ ไม่แต่เป็นการกระทำเวลาโดยอาศัยอำนาจของศาลที่มีอยู่ทั่วไป ในการที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาใดที่ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้ โดยเฉพาะหรือห้ามไว้ไปในทางที่เห็นว่ายุติธรรมและสมควร ดังเช่นในมาตรา ๒๓ นั้นเอง ก็ได้กล่าวถึงระยะเวลาที่ศาลได้กำหนดไว้ แสดงว่าศาลกำหนดระยะเวลาได้ ในปัญหาที่ว่าศาลฎีกาจะกำหนดเวลาให้โจทก์มาชำระค่าธรรมเนียมในชั้นนี้ได้หรือไม่ ที่ประชุมใหญ่เห็นว่า ศาลฎีกามีอำนาจกำหนดระยะเวลาให้ได้ หากเห็นเป็นสมควร สำหรับคดีนี้ ที่ประชุมใหญ่ได้พิจารณาแล้ว เห็นว่า เป็นการสมควรที่จะกำหนดระยะเวลาให้ดังโจทก์ขอมาในฎีกา ส่วนกำหนดเวลาจะสมควรเท่าใดนั้น เห็นว่า โจทก์รู้ตัวล่วงหน้ามานานแล้วว่าจะต้องเสียค่าธรรมเนียม จะกำหนดให้ถึง ๒ เดือนตามที่ขอมาหาควรไม่
อาศัยเหตุดังวินิจฉัยมา ศาลฎีกาจึงพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แต่ให้กำหนดเวลาให้โจทก์ทั้งสองสำนวนเสียค่าธรรมเนียมตามคำสั่งดังกล่าวภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันฟังคำพิพากษานี้

Share