แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีก่อน โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ขอแบ่งมรดกผู้ตาย ศาลพิพากษาให้แบ่ง คดีถึงที่สุดแล้ว ต่อมาโจทก์มาฟ้องจำเลยที่ 2 เป็นคดีนี้ แม้โจทก์จะตั้งรูปคดีว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่พิพาททั้งแปลงขอให้ศาลแสดงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ทั้งหมดก็ตามแต่จำเลยก็ต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับผู้ตายซึ่งจำเลยมีสิทธิรับมรดำด้วย และทางพิจารณาข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า ที่พิพาทครึ่งหนึ่งเป็นมรดกของผู้ตาย เมื่อพิจารณาคำฟ้อง คำให้การและข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้ว จะเห็นได้ว่า คดีมีประเด็นที่จะต้องพิจารราเกี่ยวกับการแบ่งมรดกนั่นเอง ถือได้ว่ามีประเด็นอย่างเดียวกับคดีก่อน ฟ้องของโจทก์ที่เกี่ยวกับมรดกระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 จึงเป็นฟ้องซ้ำ
คดีมรดกซึ่งเป็นเรื่องพิพาทระหว่างจำเลยที่ 2 กับโจทก์โดยตรง ไม่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 สามีของจำเลยที่ 2 เมื่อคดีระหว่างจำเลยที่ 2 กับโจทก์เป็นฟ้องซ้ำ โจทก์ก็ไม่มีทางจะขอแบ่งมรดกจากจำเลยที่ 1 ได้.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดที่ ๔๒๑ โจทก์ให้จำเลยทำกินต่อมาจำเลยโต้แย้งว่าเป็นของจำเลยขอให้ศาลพิพากษาว่าที่นาโฉนดที่ ๔๒๑ เป็นของโจทก์
จำเลยให้การว่า ที่นาโฉนด ๔๒๑ เป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับนายกีดเมื่อนายกีดถึงแก่กรรม นาพิพาทจึงตกเป็นมรดกของนายกีด จำเลยที่ ๒ เป็นผู้รับมรดกแทนที่นางสวนซึ่งเป็นบุตรของโจทก์และนายกีด โจทก์เคยฟ้องจำเลยที่ ๒ ขอแบ่งมรดกครั้งหนึ่งแล้ว นาพิพาทเป็นมรดก เมื่อโจทก์มิได้ฟ้องขอแบ่งเสียในคราวเดียวกัน โจทก์กลับมาฟ้องขอให้ศาลแสดงว่านาพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์เป็นคดีนี้อีก จึงเป็นฟ้องซ้ำ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ฟ้องของโจทก์ไม่เป็นฟ้องซ้ำ พิพากษาให้แบ่งที่นาพิพาทออกเป็นสองส่วน ตกได้กับโจทก์ ๑ ส่วนตกเป็นมรดกนายกีด ๑ ส่วน ส่วนที่ตกเป็นมรดกนายกีดให้แบ่งออกเป็น ๓ ส่วน ตกได้แก่โจทก์และจำเลยคนละส่วน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเป็นฟ้องซ้ำเฉพาะส่วนที่เป็นมรดก พิพากษาแก้เป็นว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเรียกทรัพย์พิพาทส่วนที่เป็นมรดกของนายกีด โดยให้ยกฟ้องโจทก์เฉพาะข้อนี้ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาปรึกษาแล้ว คงมีประเด็นที่จะต้องพิจารณาเฉพาะทรัพย์พิพาทครึ่งหนึ่งซึ่งตกเป็นมรดกของนายกีด เป็นฟ้องซ้ำหรือไม่ ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า โจทก์เป็นภริยานายกีดนางสวนเป็นบุตรโจทก์และนายกีด จำเลยที่ ๒ เป็นบุตรนางสวนและเป็นบุตรโจทก์และนายกีด จำเลยที่ ๒ เป็นบุตรนางสวนและเป็นหลานโจทก์ โจทก์เคยฟ้องจำเลยที่ ๒ ขอแบ่งทรัพย์ซึ่งเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับนายกีดและเป็นมรดกนายกีดกับจำเลยที่ ๒ ศาลพิพากษาให้แบ่ง คดีถึงที่สุดแล้วตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๑๐๖/๒๕๐๕ ของศาลจังหวัดสุโขทัย ศาลฎีกาเห็นว่า ถึงแม้คดีนี้โจทก์จะฟ้องตั้งรูปคดีว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่พิพาททั้งแปลง ขอให้ศาลแสดงว่าที่พิพาทเป็์นของโจทก์ทั้งหมดก็ตาม แต่จำเลยก็ต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับนายกีด จำเลยมีสิทธิรับมรดกแทนที่นางสวนมารดาจำเลย และทางพิจารณาข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า ที่พิพาทครึ่งหนึ่งเป็นมรดกของนายกีด เมื่อพิจารณาคำฟ้องและคำให้การและข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้วจะเห็นได้ว่า คดีมีประเด็นที่จะต้องพิจารณาเกี่ยวกับการแบ่งมรดกนายกีดนั่นเอง จึงถือได้ว่ามีประเด็นอย่างเดียวกับประเด็นในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๑๐๖/๒๕๐๕ ซึ่งพิพากษาเสร็จเด็ดขาดไปแล้ว โจทก์จำเลยในคดีก่อนกับคดีนี้เป็นคู่ความเดียวกัน ฉะนั้น ฟ้องของโจทก์ที่เกี่ยวกับมรดกนายกีดระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ ๒ ในคดีนี้จึงเป็นฟ้องซ้ำ
โจทก์ฎีกาว่า คดีก่อนโจทก์ฟ้องเฉพาะจำเลยที่ ๒ ส่วนคดีฟ้องสามีจำเลยที่ ๒ เป็นจำเลยร่วมด้วย จึงมิใช่คู่ความเดียวกัน ไม่เป็นฟ้องซ้ำ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ในกรณีเกี่ยวกับมรดก เป็นเรื่องพิพาทระหว่างจำเลยที่ ๒ กับโจทก์โดยตรง ไม่เกี่ยวกับจำเลยที่ ๑ แม้จำเลยที่ ๑ จะมีส่วนได้รับประโยชน์ในมรดกของนายกีดในเมื่อจำเลยที่ ๒ ได้รับมาก็เป็นผลเนื่องมาจากสิทธิของจำเลยที่ ๒ ฉะนั้น เมื่อคดีระหว่าจำเลยที่ ๒ กับโจทก์เป็นฟ้องซ้ำ โจทก์ไม่มีสิทธิขอแบ่งมรดกจากจำเลยที่ ๒ ต่อไปแล้ว โจทก์ก็ไม่มีทางจะขอแบ่งมรดกดังกล่าวจากจำเลยที่ ๑ ได้ ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น.
พิพากษายืน.