คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1063/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การใช้อาวุธปืนยิงคนนั้นตามธรรมดาก็เห็นได้ว่าผู้ยิงมีเจตนาจะฆ่าเพราะอาวุธปืนเป็นอาวุธที่ร้ายแรงสามารถฆ่ากันได้ ยิ่งจำเลยได้รับสารภาพว่าทำผิดตามฟ้องเมื่อได้ฟังคำประจักษ์พยานโจทก์หมดแล้วยิ่งเห็นได้ชัดว่าจำเลยยิงโดยเจตนา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยใช้อาวุธปืนลูกซองเดี่ยวยิงนายสละจนได้รับบาดเจ็บสาหัสโดยเจตนาจะฆ่าให้ตายแต่กระสุนไม่ถูกที่สำคัญจึงไม่ตาย ขอให้ลงโทษ
ชั้นแรกจำเลยปฏิเสธ เมื่อสืบพยานโจทก์ ๓ คน แล้วจำเลยกลับให้การใหม่ขอร้บสารภาพว่าได้ทำผิดตามฟ้องโจทก์จริงและขอถอนคำให้การเดิม
ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยไม่เจตนาจะฆ่าผู้เสียหายหากแต่ยิงเพื่อทำร้ายร่างกายเท่านั้น จึงมีความผิดตาม ม.๒๕๖ ให้จำคุก ๕ ปี ลดตาม ม.๕๙ กึ่งหนึ่งลดโทษจำคุก ๒ ปี ๖ เดือน ปืนริบ
โจทก์จำเลยอุทธรณ์ โจทก์ขอหให้ลงโทษฐานพยายามฆ่าคน จำเลยขอให้ลงโทษในสถานเบา
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยมีความผิดตาม ม.๒๔๙ ,๖๐ ให้จำคุก ๑๐ ปี ลดฐานรับสารภาพให้ ๒ปี คงจำคุกไว้ ๘ ปี นอกจากที่แก้นี้คงยืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าการที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงนายสละนั้นตามธรรมดาก็เห็นได้ว่าจำเลยมีเจตนาจะฆ่านายสละ เพราะอาวุธปืนเป็นอาวุธที่ร้ายแรงสามารถฆ่ากันได้ประกอบกับเมื่อจำเลยได้ฟังคำประจักษ์พยานโจทก์หมดแล้ว จำเลยก็กลับรับสารภาพว่าจำเลยได้ทำผิดตามฟ้อง ฉนั้นจึงเป็นการประกอบกันให้ฟังได้ว่าจำเลยยิงนายสละโดยมีเจตนาจะฆ่านายสละจริงแต่เห็นควรลดโทษให้จำเลยตาม ม.๕๙ กึ่งหนึ่ง
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าให้ลดโทษให้จำเลยตาม ม.๕๙ กึ่งหนึ่งคงเหลือโทษจำคุก ๕ ปี นอกจากที่แก้นี้คงยืน

Share