แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สร้อยคอและแหวนซึ่งเป็นของใช้ของบุคคลธรรมดานั้น ไม่ใช่วัตถุโบราณหรือของมีค่า อันจะพึงถือว่าเป็นกรรมสิทธิ์ของ แผ่นดิน
สร้อยคอและแหวน ซึ่งไม่ปรากฏตัวเจ้าของ ตกอยู่ในลำธารห้วยน้ำไหลนั้น ผู้เก็บได้ไม่จำต้องปฏิบัติตาม ป.ม.แพ่ง ฯ ม.1323 (3) และการเอาไว้ไม่เป็นผิดตาม ม.318 แห่ง ก.ม.ลักษณะอาญา
ฟ้องว่าของที่เก็บได้เป็นทรัพย์ไม่ปรากฏตัวเจ้าของและเป็นทรัพย์แผ่นดิน โจทก์ต้องนำสืบว่าทรัพย์นั้นเป็นของใคร หายมาอย่างใด และเป็นทรัพย์ที่แผ่นดินต้องการสงวนไว้อย่างใดด้วย ถ้าโจทก์สืบไม่สมฟ้องก็ลงโทษจำเลยไม่ได้
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยเก็บทองรูปพรรณโบราณอันเป็นทรัพย์สินหาย ซึ่งไม่ปรากฎเจ้าของหรือทรัพย์แผ่นดินได้แล้วเอามาคัดแบ่งกัน และสมคบกันยักยอกเอาทรัพย์รายนี้ไว้ เป็นอาณาประโยชน์ส่วนตัวเสีย ไม่ส่งมอบทรัพย์สินดังกล่าวนี้และแจ้งต่อตำรวจหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา ๓๑๘ และให้ริบของกลางหรือโฆษณาหาเจ้าของที่แท้จริงด้วย
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้ยกฟ้องโจทก์ และไม่ริบของกลาง
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่า ตามที่โจทก์กล่าวอ้างในฟ้องว่าทรัพย์รายนี้เป็นทรัพย์ไม่ปรากฎมีเจ้าของนั้นโจทก์นำสืบไม่ได้ว่าเป็นทรัพย์สินของใคร หายมาอย่างใดตั้งแต่เมื่อใด จึงเป็นการนำสืบไม่สมฟ้อง และที่โจทก์กล่าวหาว่าเป็นทรัพย์แผ่นดิน ก็ปรากฎว่าทรัพย์รายนี้เป็นสร้อยคอ แหวนและก้านแหวนหัก แสดงว่าเป็นของโจทก์มิได้นำสืบให้เห็นว่า เป็นของอันมีลักษณะที่แผ่นดินต้องการสงวนเป็นทรัพยแผ่นดิน เช่นเป็นของโบราณหรือมีค่ามาก ซึ่งผู้เก็บได้มิควรยึดถือไว้เป็นกรรมสิทธิของตนจึงยังไม่พอถอว่าเป็นทรัพย์แผ่นดิน ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามประมวลแพ่ง ฯ ม.๑๗๒๓ และไม่มีความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญา มาตรา ๓๑๘ คงพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น