แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกได้บังอาจสมคบกันมีหลาวและมีดตอกเป็นอาวุธ บุกรุกเข้าไปในเขตต์ที่นาของนายวิง โดยมีเจตนาจะมิให้นายวิงครอบครองที่นาได้โดยปกติสุข โดยจำเลยมิได้มีอำนาจที่จะทำได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ดังนี้ ฟ้องของโจทก์ย่อมครบองค์ความผิดฐานบุกรุกแล้ว เพราะความผิดฐานบุกรุกอันเป็นมูลฐานอยู่ที่เจตนาจะมิให้ผู้อื่นครอบครองทรัพย์ ของเขา อันพึงเคลื่อนจากที่มิได้โดยความปกติสุข มิได้อยู่ที่เข้าถือเอาทรัพย์ หรือเพื่อจะถือเอาทรัพย์.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกได้บังอาจสมคบกันมีหลาวและมีดตอกเป็นอาวุธบุกรุกเข้าไปในเขตต์ที่นาของนายวิง โดยมีเจตนาจะมิให้นายวิงครอบครองที่นาได้โดยปกติสุข โดยจำเลยมิได้มีอำนาจที่จะทำได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญา มาตรา ๓๒๗,๓๒๘,๓๒๙.
ศาลชั้นต้นตรวจฟ้องแล้วเห็นว่า ฟ้องโจทก์ไม่เข้าเกณฑ์แห่งความผิดฐานบุกรุก พิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ฟ้องโจทก์บรรยายการกระทำครบองค์ความผิดฐานบุกรุกแล้ว พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาต่อไป แล้วพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกา,
ศาลฎีกาเห็นว่า ในเรื่องความผิดฐานบุกรุกนั้นเจตนาอันเป็นมูลฐานอยู่ที่เจตนาจะมิให้ผู้อื่นครอบครองทรัพย์ของเขาอันพึงเคลื่อนจากที่มิได้โดยความปกติสุขต่างหาก มิได้อยู่ที่เข้าถือเอาทรัพย์ หรือเพื่อจะถือเอาทรัพย์ดังศาลล่างยกขึ้นกล่าว ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยชอบแล้ว
พิพากษายืน.