คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 301/2490

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ไม้ตะพดจะเป็นสาตราวุธตามกฎหมายหรือไม่ ต้องแล้วแต่ขนาดซึ่งสามารถจะทำให้ร่างกายแตกหักบุบสลายถึงสาหัสได้หรือไม่ถ้าข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่า มีขนาดอย่างไร ก็ฟังว่าเป็นสาตราวุธไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๓๐๑, พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายลักษณะอาญา พ.ศ. ๒๘+ (ฉะบับที่ ๔) ม. ๗ โดยกล่าวหาว่าจำเลมีไม้ตะพดเป็นสาตราวุธบังอาจสมคบกันปล้นทรัพย์โดยได้ใช้ไม้ตะพดขู่เข็ญและจะทำร้ายเจ้าทรัพย์ และกระชากเอาสร้อยคอไป
ทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยกับพวกถือไม้ตะพดคนละอันไปที่ร้านเจ้าทรัพย์ ๒ คนยืนรออยู่ข้างนอก อีก ๒ คนเข้าไปในร้ายโดยคนหนึ่งถามหาซื้อเคียว อีกคนหนึ่งยืนคุมเชิงอยู่ พอได้โอกาสก็ฉวกสร้อยคอซึ่งคล้องอยู่ที่คอเจ้าทรพัย์กระชากวิ่งหนี เจ้าทรัพย์ร้องขึ้น คนที่ถามซื้อเคียวเงื้อไม้ตะพดปะทะหน้าไว้ไม่ให้ไล่ตาม และพูดขู่ว่า “ใครไม่เกี่ยวข้องอย่าเข้ามา” แล้ววิ่งตามพวกไป
ศาลชั้นต้นฟังตามข้อเท็จจริงตามคำพะยานโจทก์ดังกล่าวข้างต้น พิพากษาลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญา มาตรา ๓๑๑ ซึ่งแก้ไขแล้ว
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า โจทก์มิได้นำสืบแสดงว่าจำเลยมีสาตราวุธอะไรติดตัวไป ปรากฏแต่ว่าจำเลยมีไม้ตะพดคนละอัน และไม้ตะพดนั้นเป็นอย่างไร สามารถทำให้ร่างกายแตกหักบุบสลายถึงสาหัสหรือไม่ แม้ถึงจำเลยจะได้เงื้อไม้ตะพดนั้นขู่ ก็ไม่ทำให้เป็นสาตราวุธขึ้นได้ ควรลงโทษเพียงฐานชิงทรัพย์ จึงพิพากษาแก้ให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญา ม.๒๙๙
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษฐานปล้นทรัพย์
จำเลยฎีกาว่า มิได้กระทำผิด และว่าแม้จะบุกรุกกระทำผิดก็เพียงฐานวิ่งราวไม่ใช่ชิงทรัพย์
ศาลฎีกาเห็นว่า กิริยาที่จำเลยคนหนึ่งเข้ากระชากสร้อยแล้ววิ่งหนี พวกอีกคนหนึ่งเงื้อไม้ตะพดปะทะไว้ไม่ให้พวกเจ้าทรัพย์ไล่ตามเข้าลักษณะชิงทรัพย์ เพราะใช้กิริยาที่ขู่เข็นจะทำร้ายเขา ส่วนไม้ตะพดที่จำเลยมีไปนั้นจะถือว่าเป็นสารตราวุธหรือไม่นั้น ตามฟ้องกล่าวเพียงว่าจำเลยมีไม้ตะพดเป็นสาตราวุธ แต่ไม้ตะพดจะเป็นสาตราวุธหรอืไม่ ต้องแล้วแต่ขนาด ซึ่งจะใช้เป็นเครื่องประหารอันสามารถทำให้ร่างกายแตกหักบุบสลายได้ถึงสาหัส ทางพิจารณาไม่ปรากฏว่า ไม้ตะพดขนาดไหนเพราะไม้ตะพดไม้ย่อมมีขนาดต่าง ๆ กัน จึงไม่ถือว่าเป็นสาตราวุธ พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์

Share