คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1015/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำพิพากษาของศาลบังคับให้จำเลยโอนขายนากับเรือนให้โจทก์ ถ้าไม่สามารถโอนขายได้จึงให้คืนเงิน ดังนี้เป็นการกำหนดให้กระทำการชำระหนี้ทีละอย่างก่อนหลังตามลำดับ ไม่ใช่เป็นการกระทำหลายอย่างอันลูกหนี้จะพึงเลือกได้ตาม ป.ม.แพ่งฯ มาตรา 198
การที่จำเลยเอาทรัพย์ไปจำนองสหกรณ์ไว้ไม่ทำให้การโอนขายที่ดินและเรือนเป็นอันพ้นวิสัยอันจะเป็นเหตุให้จำ เลยยกขึ้นอ้างว่า ไม่สามารถจะโอนขายที่ดินและเรือนได้ฉะนั้นโอกาศที่จำเลยจะขอคืนเงินให้โจทก์ จึงยังไม่อาจเกิดขึ้น

ย่อยาว

คดีนี้ศาลฎีกาได้พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ให้จำเลยโอนขายนาฟางลอยเนื้อที่ ๔๐ ไร่และเรือน ๑ หลัง ตามฟ้องให้แก่โจทก์ถ้าไม่สามารถโอนขายได้ก็ให้จำเลยคืนเงิน ๔๐๐๐๐๐ บาทแก่โจทก์และให้จำเลยเสียค่าดอกเบี้ยกับค่าฤชาธรรมเนียมให้โจทก์ด้วย
จำเลยทราบคำบังคับของศาลแล้ว ได้ยื่นคำแถลงต่อศาลว่าไม่สามารถจะโอนขายที่นาและเรือนให้โจทก์ตามคำพิพากษาได้ และจะขอชำระหนี้เป็นเงินสดให้โจทก์โดยอ้างเหตุผล ๒ ประการคือ จำเลยได้ทำนาและเรือนไปค้ำประกันหนี้ไว้ในสหกรณ์บ้านหัวบุง ประการหนึ่ง และอีกประการหนึ่งจำเลยไม่มีที่นาทำกิน และไม่มีเรือนอยู่
ศาลชั้นต้นสั่งไม่ยอมรับเงินที่จำเลยขอวางนั้น
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คำพิพากษาบังคับให้จำเลยเป็นการกำหนดให้กระทำการชำระหนี้ทีละอย่างก่อนหลังตามลำดับกล่าวคือ ไม่สามารถกระทำอย่างแรกแล้วจึงให้กระทำอย่างหลัง ไม่ใช่เป็นการกระทำหลายอย่างอันลูกหนี้จะพึงเลือกได้ตาม ป.ม. แพ่งฯ มาตรา ๑๙๘ การที่จำเลยเอาทรัพย์รายนี้ไปจำนองสหกรณ์ไว้ ไม่ทำให้การโอนขายที่ดินและเรือน เป็นอันพ้นวิสัยอันจะเป็นเหตุให้จำเลยยกขึ้นอ้างว่าไม่สามารถจะโอนขายที่ดินและเรือนได้ ฉะนั้นโอกาสที่จำเลยจะขอคืนเงินให้โจทก์จึงยังไม่อาจเกิดขึ้น
คงพิพากษายืน

Share