คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 577/2488

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สามีโอนที่ดินสินเดิมของตนให้ภริยาในระหว่างอยู่กินด้วยกันโดยมิได้ระบุว่าให้เป็นสินส่วนตัว ทรัพย์นั้นย่อมตกเป็นสินสมรส
สามีทำพินัยกรรมยกทรัพย์ให้ภรรยาแล้วโอนทรัพย์นั้นให้ภรรยา แต่ทรัพย์นั้นตกเป็นสินสมรส ดังนี้ไม่ถือว่าข้อกำหนดในพินัยกรรมนั้นถูกเพิกถอนตาม ม.1696
ผู้ตายทำพินัยกรรมยกทรัพย์ให้ภรรยาและบุตร์ 2 คนและระบุว่า คนอื่นนอกจากนี้ไม่ให้ได้รับทรัพย์เป็นอันขาดนั้น ถือว่าเป็นการตัดทายาทอื่น ม.1608 (1)

ย่อยาว

ได้ความว่าเมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๔๗๕ นายทับได้ทำพินัยกรรมแสดงเจตนาว่าต้องการยกทรัพย์สมบัติให้แก่นางบุณจำเลยซึ่งเป็นภรรยา และ ด.ช.สำราณบุตร์ นอกนั้นมิให้ผู้ใด ต่อมานายทับได้โอนทรัพย์ของตนให้กับนางบุญจำเลย ครั้นนายทับตาย โจทก์ซึ่งเป็นบุตร์และหลานของผู้ตายจึงฟ้องเรียกมฤดกโดยอ้างว่า เมื่อนายทับได้โอนทรัพย์ให้กับจำเลยแล้ว ข้อกำหนดในพินัยกรรมเรื่องทรัพย์เป็นอันเพิกถอนไป โจทก์จึงควรได้ทรัพย์อันเป็นมฤดกของนายทับครึ่งหนึ่ง ศาลชั้นต้นตัดสินให้แบ่งทรัพย์ ศาลฎีกาตัดสินยืนตามศาลอุทธรณ์ในข้อกฎหมายว่า ป.ม.แพ่ง ฯ ม.๑๖๙๖ มีความประสงค์ว่าเมื่อผู้ทำพินัยกรรมได้ตั้งใจกระทำการให้ตนหมดสิทธิในทรัพย์สินอันเป็นวัตถุแห่งข้อกำหนดพินัยกรรมย่อมเป็นการเพิกถอนข้อกำหนดพินัยกรรมอยู่ในตัว แต่ในคดีนี้ผู้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์ให้แก่ภรรยา และมิได้ให้เป็นสินส่วนตัว ทรัพย์นั้นจึงกลายกลับมาเป็นสินสมรสตามพินัยกรรมของผู้ตาย ปรากฎข้อความแสดงเจตนาโดยแจ้งชัดว่าต้องการยกทรัพย์สมบัติให้แก่นางบุญภรรยา และเด็กชายสำราญบุตร์ และว่านอกจาก ๒ คนนี้ไม่ปลงใจยกให้ใครเป็นอันขาด จึงเป็นการตัดโจทก์มิให้รับมฤดกตามความใน ป.ม.แพ่ง ฯ ม.๑๖๐๓ (๑) โจทก์จึงฟ้องเรียกมฤดกไม่ได้

Share