แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
บรรยายฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันใช้มีดแทงนายเคนถูกที่หลัง และใช้มีดแทงนายประจิตถูกที่หน้าอก ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297, 83 เพียงเท่านี้เป็นการเพียงพอที่จะถือได้ว่าโจทก์ประสงค์ให้ลงโทษเป็น 2 กระทง
การบรรยายฟ้องเช่นนี้ถือได้ว่า ได้แยกกระทงเรียงเป็นลำดับกันไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 160 แล้ว.
หมายเหตุ คดีนี้ โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยได้ทำผิดต่างกรรมผิดกฎหมายหลายกระทง และทั้งไม่ได้อ้างประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 มาในคำขอท้ายฟ้องด้วย.
ย่อยาว
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกับพวกซึ่งยังหลบหนีอยู่อีก ๑ คน ได้ร่วมกันใช้กำลังกายชกต่อย ถีบ เตะ และใช้มีดปลายแหลมแทงนายเคน ลมเพ็ง ถูกที่ข้างหลัง ๑ แห่ง และใช้มีดปลายแหลมแทงนายประจิต ทมงาม ซึ่งเข้าห้ามถูกที่หน้าอกทะลุถึงปอด ๑ แห่ง เป็นเหตุให้ผู้เสียหายทั้งสองได้รับบาดเจ็บสาหัส ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๙๗, ๘๓
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาลงโทษจำเลยที่ ๑ สองกระทง คือ ฐานเป็นผู้สนับสนุนในการทำร้ายร่างกายนายเคนถึงบาดเจ็บสาหัส ลงโทษจำคุก ๘ เดือน และฐานทำร้ายร่างกายนายประจิตถึงบาดเจ็บสาหัส ให้จำคุก ๑ ปี รวมเป็นจำคุก ๑ ปี ๘ เดือน
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกฟ้อง เพราะไม่เชื่อว่าจำเลยได้กระทำผิด
โจทก์ฎีกาว่าพยานโจทก์มีน้ำหนักฟังได้ ขอให้ลงโทษตามศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ ๑ ส่งมีดให้พวกที่หลบหนีไปแทงนายเคน นายเคนล้มลง คนที่แทงนายเคนวิ่งหนีไป นายเคนร้องเรียกนายประจิตให้ช่วย นายประจิตเดินเข้าไปจะช่วย จำเลยที่ ๑ แทงนายประจิตที่หน้าอก แล้วพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น.